ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ที่จะได้ขี่ Harley-Davidson ครบทุกรุ่นที่มีขายในประเทศไทย และได้ขี่ทั้งในรูปแบบ Dirt (สนามวิบาก), Road (ถนน) และ Track (สนามแข่ง) กับกิจกรรม Dirt.Road.Track Media Xperience ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ในเอเชีย โดยมีนักข่าวจากต่างประเทศเข้าร่วมทดสอบกันถึง 7 ประเทศ
ตลอดงานที่จัดขึ้นหนึ่งวันเต็ม เหล่าสื่อมวลชนได้มีโอกาสทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่นล่าสุดแห่งปี 2022 ณ สนามพีระ เซอร์กิต พัทยา และร่วมทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เริ่มจากการรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และมาตรการความปลอดภัยก่อนการทดสอบรถ
สำหรับไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ คือ การที่เหล่าสื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร กับโอกาสในการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2022 บน 3 สนามที่แตกต่างกัน ได้แก่ สนามวิบาก (Dirt) ถนน (Road) และ สนามแข่ง (Track) ภายใต้การนำของผู้ฝึกสอนมืออาชีพ
โดยรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกนำมาใช้ในการทดสอบในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย Pan America, Sportster S, Nightster, Low Rider ST, Street Glide ST และ Road Glide ST
รุ่นแรกที่ทีมงาน Autostation.com ได้ทดสอบขี่ก็คือ Harley-Davidson Pan America ซึ่งในโมเดล 2022 นี้มีการปรับเพิ่มสีตัวถังใหม่ Fastback Blue/White Sand และยังคงมาพร้อมสมรรถนะที่เหนือชั้นตามสไตล์รถ Touring Adventure ที่มีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โช้คอัพไฟฟ้าปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้การขับขี่ในเส้นทางลุยเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น, ระบบ Vehicle Hill Hold Control ที่มีการอัปเกรดใหม่, หน้าจอ TFT ที่ปรับใหม่ให้มีความชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
ส่วนใครอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถเพิ่มเติมสามารถรับชมได้ที่คลิปวีดีโอด้านบนนี้ได้เลย เราเคยนำมารีวิวไว้ให้ชมกันแล้ว
ซึ่งหลังจากที่ได้ลอง ก็ต้องบอกว่าประทับใจในสมรรถนะการขับขี่ของเจ้า Pan America มากๆ ไม่คิดว่า Harley-Davidson คันโต จะสามารถเอาไปลุย และควบคุมได้ง่ายขนาดนี้ บอกได้เลยว่างานนี้มือใหม่ก็สามารถขี่ได้ เพราะเทคโนโลยี และฟีเจอร์ของตัวรถที่ติดตั้งมาให้นั้นจะคอยซัพพอร์ตให้คุณผ่านทุกอุปสรรค์ไปได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยแน่นอน
เปลี่ยนอารมณ์มาในสนามแข่ง Track กันบ้าง คราวนี้ได้ขึ้นคร่อม Harley-Davidson Sportster S ซึ่งจัดเป็นรถสไตล์ Sport รุ่นใหม่ล่าสุดของทาง HD โดยมาพร้อมขุมพลัง Revolution® Max 1250T กำลัง 121 แรงม้า ภายใต้น้ำหนักตัวถังที่เบา และระบบกันสะเทือนระดับพรีเมียม โดยในโมเดลปี 2022 นี้ จะมี 2 สีใหม่ให้เลือกเป็นเจ้าของ ได้แก่ White Sand Pearl และ Mineral Green Metallic
ได้ขี่ในสนามทั้งที มันต้องจัดเต็มอยู่แล้ว แถมยังมีการแข่งขันจับเวลา Time Attack กับพี่ๆ นักข่าวประเทศอื่นๆ ด้วย ถ้าไม่ใส่เต็มเสียชื่อประเทศไทยเราแย่ ซึ่งเจ้า Harley-Davidson Sportster S ก็สามารถแสดงพิษสงออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าทรงรถแบบนี้มันจะทำเวลาได้เร็วถึง 1.24 นาที ในสนามพีระ เซอร์กิต ซึ่งจุดเด่นคือแรงบิดอันมหาศาล และความคล่องตัวที่ควบคุมง่ายอย่างใจสั่ง แม้ว่าจะเทโค้งแบบรถสปอร์ตฟลูแฟริ่งไม่ได้ แต่จากเวลาที่ทำได้ก็ถือว่าเร็วไม่แพ้กันเลย แถมยังไม่ต้องออกแรงโหนรถให้เหนื่อยด้วย ถ้าในสนามยังขี่ได้ดีขนาดนี้ บนถนนคงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วละ
ปิดท้ายที่การขี่แบบ Road ก็คือออกไปขี่บนถนนจริงๆ เส้นสุขุมวิท ระยะทางไป-กลับประมาณ 60 กม. โดยมี Low Rider ST, Street Glide ST และ Road Glide ST ให้เลือกขี่แล้วแต่ชอบ ซึ่งบอกตรงๆ ว่าคันไหนก็ได้ชอบทุกคัน และการขี่เดินทางไกลๆ แบบนี้มันทางของ Harley-Davidson อยู่แล้ว นั่งสบายๆ ขี่กินลมชมวิวชิลๆ ไปไหนใครก็ต้องเหลียวมอง
ข้อมูลสำหรับ Low Rider ST โฉมใหม่ มาพร้อมกับแชสซีของรถมอเตอร์ไซตระกูล Softail ที่ปรับสมรรถนะการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น และเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 แบบ V-Twin
Low Rider ST นั้นถูกรังสรรค์ขึ้นมาด้วยแฟร์ริ่งแบบยึดติดกับเฟรม โปรไฟล์รถที่เพรียวบาง ทรงพลัง ด้วยระบบกันสั่นสะเทือนในส่วนท้ายของรถ แฮนด์บังคับที่สูงและจับถนัดมือ รวมถึงกระเป๋าข้างแบบถอดได้ จึงเหมาะสำหรับนักขับขี่ที่ต้องการแรงกำลังที่ไม่หยุดยั้งสไตล์ฝั่งตะวันตก นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมระบบเครื่องเสียง Harley-Davidson Audio โดยชุดเครื่องเสียงจาก Rockford Fosgate
ข้อมูลสำหรับ Street Glide ST และ Road Glide ST ซึ่งได้แรงบันดาลใจที่ได้จากเทรนด์รถแบกเกอร์สมรรถนะสูง และรายการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ MotoAmerica King of the Baggers Championship มาผสานไว้
โดยรถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 โมเดลนี้ ยังขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแห่งเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 แบบ V-Twin พร้อมผสานความดุดันจากฝั่งตะวันตกในสไตล์สีดำ และบรอนซ์
นอกจากนี้ รุ่น ST ยังมาอัดเต็มด้วยฟีเจอร์ของรถมอเตอร์ไซค์ดีไซน์แกรนด์ อเมริกัน ทัวร์ริ่งแบบครบครัน ได้แก่ เบรก Reflex linked Brembo พร้อม ABS ระบบอินโฟเทนเมนต์ Boom! Box GTS แบบหน้าจอสีสัมผัสพร้อมระบบนำทาง ระบบควบคุมความเร็ว และ ไฟหน้าแบบ Daymaker LED หน้าจอสีสัมผัส Street Glide ST มาในสไตล์แฟร์ริ่งรูปทรงปีกค้างคาวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson
ในขณะที่ Road Glide ST มาในสไตล์แฟร์ริ่งทรงจมูกฉลามแบบแอโรไดนามิกที่มีช่องระบายอากาศแบบแยกส่วนคงที่ (Fixed) พร้อมไฟหน้าแบบคู่