in ,

รีวิว Honda CB1000R พี่ใหญ่นีโอสปอร์ตไม่ได้มีดีแค่หล่อเท่ แต่ยังแรงซัดตึงกระชากอารมณ์

รีวิว Honda CB1000R รุ่นใหญ่สุดจากตระกูลนีโอสปอร์ตคาเฟ่ ที่โดดเด่นตั้งแต่สมัยเป็นรถต้นแบบ ก่อนสร้างเสียงฮือฮาในการเปิดตัว รวมถึงขุมกำลังสุดแรงที่วางอยู่

เครื่องยนต์

ครื่องแบบสี่สูบเรียง 998 ซีซี DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ หัวฉีด PGM-FI ให้พละกำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 8,250 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีด

ดีไซน์

  • โคมไฟหน้าแบบกลมสไตล์นีโอสปอร์ตคาเฟ่
  • ไฟหน้า LED
  • ไฟ DRL
  • ไฟท้าย LED
  • ไฟเลี้ยว LED
  • เรือนไมล์ดิจิตอล LCD พร้อมไฟ Shiftlight
  • แฮนด์บาร์
  • เบาะนั่งสองตอนเล่นระดับสไตล์สปอร์ต
  • สวิงอร์มเดี่ยว
  • กันดีดพร้อมที่ยึดป้ายทะเบียน
  • ถังน้ำมัน 16.2 ลิตร
  • น้ำหนักตัว 212 กก.

แชสซีและเบรก

  • เฟรมแบบ Steel mono backbone
  • โช้คหน้าแบบหัวกลับ Showa Separate Function Fork Big Piston (SFF-BP)
  • โช้คหลังเดี่ยว Showa ปรับค่าสปริงพรีโหลดและรีบาวด์
  • ดิสก์เบรกแบบลอยตัวคู่หน้าขนาด 310 มม.
  • คาลิเปอร์เบรกเรเดียลเมาท์ด้านหน้า 4 ลูกสูบ
  • ดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 256 มม.
  • คาลืเปอร์เบรกหลังสองลูกสูบ
  • วงล้อ 6 ก้าน ขนาด 17 นิ้วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
  • ยางหน้า 120/70 ZR17
  • ยางหลัง 190/55 ZR17

ระบบช่วยเหลือการขับขี่

  • Ride by Wire
  • Assist-Sliper-Clutch
  • Emergency Braking Signal
  • ABS Dual-Channel
  • 3 Preset Riding Mode (Rain, Standard, Sport) + 1 User Custom
  • Honda Selectable Torque Control
  • Power Control
  • Engine Brake Control

Review: Honda CB1000R

ไม่ว่าคุณจะมองว่า Honda CB1000R คันนี้เป็นรถที่สวยหรือแปลก แต่ที่กระแทกสายตาของทุกคนแน่ๆ คือดีไซน์ของท่อไอเสียขนาดไหนที่ยกมาจากตัวรถแบบ และเป็นดีไซน์ที่เฟี้ยว เท่ แปลกตามากๆ การดีไซน์ให้มีกันดีดและที่ยึดป้ายทะเบียนแยก ทำให้วิศวกร สามารถทำเปลท้ายให้สั้นลง เสริมลุคแบบโร้ดสเตอร์กล้ามโตดุดัน

นอกจากหน้าตาหล่อแล้วรถคันนี้ยังทำให้เราเซอร์ไพรส์หลายเรื่อง เรื่องแรกคือความคล่องตัวและความง่ายในการขับขี่ ด้วยความที่เรานำ Neo Sport Cafe ออกมาพร้อมกันทั้ง CB650R และ CB1000R ฉะนั้นย่อมมีการเกี่ยงกันขี่เกิดขึ้น

แต่กลายเป็นว่าเจ้าพี่ใหญ่ของเรานั้นกลับไม่ได้ขี่ยากอย่างที่คิดเอาไว้ ตัวรถมีการควบคุมที่ง่าย วางตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงของรถได้ดี รวมถึงท่านั่งในการควบคุมที่ทะมัดทะแมง ทำให้การฝ่าการจราจรในเส้นเลียบด่วนช่วงเที่ยงวันตลอดจนรามอินทราเป็นไปได้อย่างง่ายดาย จนสุดท้ายกลายเป็นแย่งกันขี่ตัวพันเสียอย่างนั้น

ช่วงล่างแบบหัวกลับ Showa Separate Function Fork Big Piston ในรถคันนี้เป็นอีกเรื่องที่เราเซอร์ไพรส์ ในจังหวะที่ขี่ผ่านถนนที่กำลังทำทางรถไฟอย่างรามอินทราที่เต็มไปด้วยฝาเหล็ก หลุมถนน บางจุดนี่แทบจะเป็นบ่อขนาดย่อม มีบางทีที่เหม่อแล้วเผลอไหลลงไป ใจคือหล่นไปแล้วเพราะด้วยมุมที่ลงไปอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เลย แต่ เรากลับสัมผัสได้ถึงการซับแรงแบบแน่นๆ แล้วผ่านไปได้แบบสบายๆ

ระบบกันสะเทือนถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทุกรูปแบบของการใช้งานบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนที่ต้องยกนิ้วให้ในเส้นรามอินทราที่คงคล้ายกับผิวดวงจันทร์ ไปจนถึงถนนดีๆ เลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก ทำให้การควบคุมรถไม่ว่าจะความเร็วต่ำหรือการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ระบบกันสะเทือนของรถคันนี้บอกได้เลยว่าเหลือเฟือ

พอช่วงล่างดีเหลือเฟือแล้วก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจที่จะขับขี่ โดยเฉพาะเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เจ้านี่ว่างเครื่องยนต์เดียวกับ Honda CBR1000RR เน้นแรงบิดในรอบกลาง แถมยังจูนมาให้มีพละกำลังและแรงบิดที่มากกว่าเสียอีก แรงเหลือเฟือสำหรับการขับขี่เดินทางแบบสบายๆ ไม่ว่าจะในเมืองนอกเมืองในโหมด Rain ถือว่าเหลือเฟือ หย่อนๆ ไหลๆ มีพละกำลังให้ใช้

แต่ถ้ามันไม่แล้วใจ Standard ก็จะตึงมือขึ้นมาอีกระดับ บิดแซงคมๆ พุ่งผ่านแบบขาดๆ ท้ายสุดคือ Sport ที่ปลดปล่อยพลังได้ดุเดือด ขยับคันเร่งนิดหน่อยเป็นพุ่ง จังหวะเจอถนนแย่ๆ ที่กระแทกหนักๆ แล้วมือเผลอขยับ มันเป็นต้องฟึดฟัดๆ ทุกที การส่งกำลังอยู่ในระดับที่เทียบชั้นกับรถซูเปอร์ไบค์ได้สบายๆ สำหรับพี่ๆ ที่อาจสูงวัยเกินกว่าจะก้มต่ำตลอดการเดินทาง กล้าพูดได้เลยว่ารถคันนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเคยเห็นรถที่ขี่ 200+ โดนคันนี้สวนแบบชิลล์ๆ มาแล้ว จนคิดว่าน่าจับ Honda CB1000R ลงสนามหาขีดจำกัดดูสักทีเหมือนกัน

นอกจากพรีเซ็ตของโหมดการขับขี่ที่มีมาให้ 3 แบบแล้ว ยังมีคัสตอมได้อีก 1 โหมด ปรับค่า Power, Engine Brake, HSTC ได้เอง โดยในแต่ละค่านั้นจะสามารถปรับได้เพียงแค่ 3 สเต็ปเท่านั้น มีเพียงระบบเบรกที่ไม่ใช่ไม่ดี แต่เราคิดว่ามันน่าจะเอาอยู่มากกว่านี้ แต่พอมองว่าเขาเซ็ตรถคันนี้มาเพื่อการใช้งานบนท้องถนน ให้ฟีลลิ่งเบรกแบบนุ่มๆ แน่นๆ ไม่จับจึ้กเน้นๆ ก็พอเข้าใจได้

การออกแบบท่านั่งหรือสรีระศาสตร์ให้ผู้ขับขี่เหมือนจมเป็นส่วนหนึ่งของรถ ทำให้การควบคุมเป็นไปได้ง่าย ไม่ต้องกลัวว่าเวลาหนักกับคันเร่งแล้วจะหงาย จะหล่น แถมลมปะทะก็ยังไม่มีผลรุนแรงในการขับขี่ แม้จะเป็นในช่วงที่ซัดตึงก็ตาม ซึ่งต่างจาก CB650R ที่จะเหมือนนั่งลอยบนรถปะทะลมเน้นกว่า

หลายคนน่าจะมีความคิดว่า Honda CB1000R คงเป็นรถเน้นหล่อ เอาเครื่องที่มีอยู่มาวางแล้วแต่งหน้าทาปาก แต่สำหรับเราแล้วพี่ใหญ่ตัวพันกลับมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากเน็กเก็ตสปอร์ตทั่วๆ ไป ครบทั้งความหล่อเท่ หนักแน่น ดุดัน ความลงตัวในทุกด้านมากกว่าคลาสกลางอย่าง CB650R แถมหนักกว่ากันแค่ 10 กก. เท่านั้น สิ่งที่รถคันนี้จะขาดไปก็คงมีเพียงแค่ Quickshifter ก็เท่านั้น

แต่ด้วยฐานภาษีใหม่ทำให้ราคาของรถคันนี้กระโดดขึ้นไปอีกหลายหมื่นบาท แล้วที่สำคัญตอนนี้ในยุโรปมีการเปิดตัวรุ่นโฉมใหม่มาแล้ว ปรับดีไซน์ เพิ่มจอสี่สี TFT เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ ทว่า หากถ้าฟังก์ชั่นเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับการใช้งานของคุณ แคมเปญดีๆ ในโฉมเก่าอาจทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายกว่า

Honda CB1000R ราคา 598,110 บาท

ขอขอบคุณ
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

ผู้เขียน:Ken [Warodom C.]
ภาพ: ดัม เบล

กลับหน้าหลัก Autostation.com