ในยุคปัจจุบันนั้น การแข่งขันทางการตลาดของค่ายรถมอเตอร์ไซค์นั้นสูงมาก ซึ่งทุกค่ายทุกแบรนด์ต่างก็เริ่มหันมาคิดค้น และพัฒนารถใน Segment ใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และเติมเต็มช่องว่างของไลน์อัพแบรนด์ตัวเองเพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ ซึ่งในวันนี้ Triumph ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ส่ง Sport Touring Bike พิกัด 660cc. ลุยตลาดประเทศไทย
หากจะพูดถึงแบรนด์ Triumph แน่นอนว่า แทบจะทุกคนคงนึกถึงแต่รถในสไตล์แบบ Modern Classic สุดเท่ ทั้ง โดยเฉพาะกับตระกูล Bonneville
แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทางค่ายได้หันมาเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ พร้อมเพิ่มทางเลือกให้กับตลาด ด้วยการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ในพิกัด 660cc. ที่เริ่มเปิดฉากด้วย Triumph Trident 660 ก่อนที่ล่าสุดจะเสริมทัพด้วย Triumph Tiger Sport 660 ที่เราจะมารีวิวให้ทราบโดยทั่วกันในวันนี้
สำหรับ Triumph Tiger Sport 660 นั้น ทางด้านพื้นฐานขุมพลัง ก็เป็นการหยิบยกมาจาก Triumph Trident 660 ทั้งระบบ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 660cc. ที่ให้กำลังสูงสุด 81 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 64 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด (โดยสามารถเลือกติดตั้ง Quick Shifter ที่เป็นอ็อพชั่นเสริมเพิ่มเติมได้)
ในด้านตัวถัง ทาง Triumph มุ่งเน้นไปที่มิติตัวถังที่กระชับ ขี่สบาย และน้ำหนักเบา โดยโครงรถจะเป็นเหล็กหล่อขึ้นรูป พร้อมสวมชุดแฟริ่งที่ให้ความโฉมเฉี่ยว และรับกับสรีระของผู้ขับขี่ แฮนด์บาร์เป็นแบบอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ส่วนถังน้ำมันขยายความจุจาก Trident 660 ให้กลายเป็นขนาด 17 ลิตร เพื่อรองรับกับการออกทริประยะไกล
ในเรื่องของระบบช่วงล่างยังคงจัดเต็มเหมือนเดิม โดย Triumph Tiger Sport 660 มาพร้อมกับโช้คอัพหัวกลับ Upside-Down ของ Showa ที่ขนาด 41 มม. และด้านหลังเป็นแบบ Mono Shock จาก Showa เช่นกัน โดยด้านหลังสามารถปรับตั้งค่าไฮดรอลิกของ Preload ได้หลายระดับ (มีปุ่มหมุน สามารถหมุนได้ขณะขับขี่)
ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกคู่ พร้อมปั้มเบรก 2 POT จาก Nissin ส่วนด้านหลังเป็นปั้มเดี่ยว Nissin 1 POT ที่มาพร้อมกับระบบเบรก ABS ทั้งหน้าและหลัง ที่สามารถเลือกเปิด-ปิดได้
ติดตั้งอยู่บนล้ออะลูมิเนียมหล่อแบบ 5 ก้าน ขนาด 17″ น้ำหนักเบา รัดด้วยยาง Michelin Road 5 ที่ให้การยึดเกาะถนนที่ดีทั้งในสภาวะบนถนนแห้งและเปียก
ในด้านเทคโนโลยี ทาง Triumph ก็ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบ My Triumph Connectivity ที่สามารถติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อเข้าถึงระบบนำทางแบบ turn-by-turn และควบคุมกล้อง GoPro ตลอดจนใช้งานโทรศัพท์และเล่นเพลงได้ผ่านปลายนิ้วผ่านสวิตช์ควบคุมที่แฮนด์
ระบบไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน รวมถึงมีระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรงที่ลดความเหนื่อยล้าในการบีบคลัตช์ของผู้ขับขี่ ตลอดจนโหมดการขับขี่ที่เลือกปรับได้ 2 โหมด ได้แก่ Road และ Rain
โดยการทดสอบครั้งนี้ ทีมงาน Autostation.com ได้ขี่กลับจากเขาใหญ่ – กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติ ที่ให้โค้งให้ได้แบนรถทั้งแบบขึ้นเขา และลงเขา รวมไปถึงการขับขี่บนถนนไฮเวย์บนถนนมิตรภาพที่ได้ลองใช้ความเร็วสูงพอสมควร
ซึ่งจากการที่ได้สัมผัสสมรรถนะของ Triumph Tiger Sport 660 ก็ต้องบอกว่า เป็นรถที่ขี่ง่ายมากๆ มือใหม่ หรือคนที่ไม่เคยขี่รถ Big Bike มาก่อนก็สามารถขี่ได้แบบไร้กังวล อัตราเร่งมาจัดตั้งแต่รอบต้น แรงบิดมีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำ และสามารถลากรอบ Redline ได้สูงถึง 11,000 รอบ/นาที
ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าอยากขี่ออกทริปแบบชิวๆ ไปเรื่อยๆ หรือนึกอยากสนุกก็สามารถเรียกพลังที่เกรี้ยวกราดออกมาใช้ได้ทุกเวลา เอาไปว่าหากคุณปิดระบบ ABS ออก สับเกียร์ 3 กระแทกคันเร่ง ล้อหน้ายังลอย!!
ในเรื่องของระบบช่วงล่าง จุดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ การได้มาของโช้คอัพหัวกลับ และด้านหลังที่สามารถเลือกปรับพรีโหลดได้ตลอดการขับขี่ของ Showa เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ซึ่งเราสามารถเซ็ทค่าความแข็ง-อ่อนของโช้คหลังได้ในขณะที่ขี่อยู่ ใครสายซิ่งสายมุดก็ปรับให้แข็งจนรู้สึกตึงๆ เอาไว้ ส่วนใครสายชิลก็ปรับนิ่มสุดเน้นนั่งสบายตามสไตล์ของใครของมัน
อีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจใน Tiger Sport 660 คันนี้ ก็คือในเรื่องของท่านั่ง และการควบคุมรถ บอกเลยว่าเป็นรถที่นั่งสบาย รองรับกับสรีระคนไทยได้เป็นอย่างดี ขี่เดินทางไกลกว่า 200 กม. ยังไม่รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้า หรือปวดหลังเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งจังหวะการมุดในช่วงการจราจรที่ติดขัดในยาม 5 โมงเย็นตรงนวนคร ก็ยังไปได้แบบพริ้วๆ
บทสรุป
โดยภาพรวมก็ต้องบอกว่า หากใครที่อยากได้รถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ง่าย รูปทรงเท่ ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกโอกาส ออกทริปก็ไม่เหนื่อย พละกำลังก็ไม่ขี้เหร่ เทคโนโลยีแบบครบๆ Triumph Tiger Sport 660 เนี่ยแหละ คือรถมอเตอร์ไซค์ที่คุณตามหาอยู่ อีกทั้งในเรื่องของราคาจำหน่ายก็เข้าถึงง่ายขึ้นเยอะ
โดย Triumph Tiger Sport 660 มี 3 โทนสีให้เลือก ได้แก่ สี Lucerne Blue/Sapphire Black, สี Korosi Red/Graphite และ สี Graphite/Black ในราคา 359,000 บาท
