ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ในโฉม All-New ค่าย Yamaha นั้น มักจะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ และเป็นครั้งแรกในคลาสเสมอ อย่างล่าสุดกับการมาของ All-New Yamaha NMAX 2025 ที่ครั้งนี้มีให้เลือกด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ และเทคโนโลยีระดับ Best in Class
ราคาจำหน่าย Yamaha NMAX 2025
- Yamaha NMAX 2025 รุ่น Standard ราคา 98,500 บาท
- Yamaha NMAX 2025 รุ่น Tech Max ราคา 113,500 บาท
ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ Yamaha NMAX 2025 ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งคัน เริ่มจากดีไซน์ที่มีความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ระบบไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED ถูกติดตั้งเข้ามาเป็นครั้งแรก!! ส่องสว่างได้ดีกว่าเดิม พร้อมไฟหรี่แบบ LED และไฟเลี้ยว LED แบบ Built-in
ในส่วนของไฟท้ายก็ได้รับการอัปเกรดใหม่แบบ LED เช่นเดียวกัน รวมไปถึงชุดแฟริ่งใหม่ ที่ออกแบบให้มีเส้นสายที่เฉียบคมขึ้น และได้หลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่าเดิม ร่วมถึงการปรับตำแหน่งเบาะนั่ง และที่วางเท้า เพื่อปรับสรีระในการขับขี่ให้สบายมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของฟีเจอร์ มาพร้อมกับช่องเสียบ USB แบบ Type-C ช่องเก็บของด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ระบบกุญแจ Smart Keyless เรือนไมล์แบบดิจิตอล ช่อง U-Box ขนาดใหญ่ 25 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน็อคเต็มใบได้ 1 ใบ
ระบบช่วงล่างอัปเกรดใหม่!! โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค และด้านหลังแบบโช้คอัพคู่ ซึ่งมีการปรับเซ็ทใหม่ทั้งด้านหน้า – ด้านหลัง เพื่อรองรับกับการขับขี่ที่สปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 2 ล้อ มาพร้อมกับระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อคทั้งล้อหน้าและล้อหลัง หนึ่งเดียวในคลาส!! รวมไปถึงระบบ Traction Control ป้องกันล้อหมุนฟรี ก็ใส่มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย
ฟีเจอร์สำหรับรุ่น Yamaha NMAX Tech Max
สีตัวถังพิเศษ สีน้ำตาล – ดำ (Magma Black) และสีเทา – ดำ (Prestige Gray)
เบาะนั่ง Special Tech Max Seat ดีไซน์สปอร์ต
หน้าจอ TFT Infotainment & Negative LCD ดิจิทัลแบบ 2 จอ มาพร้อมจอสี TFT 4.2 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รวมถึงเชื่อมต่อระบบนำทาง Garmin Street Cross ได้ที่หน้าจอ
ระบบส่งกำลังใหม่ YECVT ระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยระบบ Electronic สั่งงานผ่าน ECU
Shift Down Function ปุ่ม Shift ที่สามารถเพิ่ม Boost อัตราเร่งได้ 3 ระดับ และเปลี่ยนเป็น Engine Brake ได้ 3 ระดับ
Riding Mode Selection ตอบรับทุกการขับขี่ ด้วยโหมดการขับขี่ปรับได้ 2 รูปแบบ ตามลักษณะการใช้งาน ทั้งในเมืองหรือขับขี่ทางไกล
- T Mode (Town Mode) – ขับขี่ง่าย นุ่มนวล เหมาะกับใช้งานในเมือง ประหยัดน้ำมัน
- S Mode (Sport Mode) – อัตราเร่งดี เครื่องยนต์ทางานเต็มประสิทธิภาพ ขับขี่เร้าใจสไตล์สปอร์ต
เครื่องยนต์ของ Blue Core ขนาด 155cc. 1 สูบ 4 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 15.36 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.2 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที
ระบบ YECVT คืออะไร?
ระบบ YECVT หรือชื่อเต็มว่า Yamaha Electric Continously Variable Transmission คือระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยมี ECU ทำหน้าที่ประมวลผล และส่งคำสั่งไปยังชุดส่งกำลัง YECVT เพื่อปรับอัตราทด และเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งแซงหรือชลอความเร็ว
หลักการคือ จะมีชุดมอเตอร์ควบคุมการปรับองศาของชามหน้า เพื่อทำหน้าที่ปรับอัตราทดกำลังของตัวรถประโยชน์คือ ทำให้เราสามารถกดเพิ่มรอบเครื่องยนต์ได้ตามที่ต้องการ โดยจะสามารถเพิ่ม/ลดได้ทั้งหมด 3 ระดับ
ฟิลลิ่งการขับขี่ Yamaha NMAX 2025
ทริปนี้เราได้ลองบิดทางไกล เดินทางจากจังหวัดนครสวรรค์ – เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ระยะทางกว่า 250 กม. และได้ลองขี่ทั้ง 2 รุ่นย่อย โดยในช่วงแรกของการเดินทาง ได้ขี่ในรุ่น Standard ก่อน จุดเด่นของ Yamaha NMAX 2025 ที่สัมผัสได้เลยก็คือ ในเรื่องของระบบช่วงล่าง และ Handling การปรับมาใหม่ครั้งนี้ ทำให้ท่านั่ง และการควบคุมรถทำได้สบายกว่าเดิม รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทให้รองรับกับการขับขี่ความเร็วสูงได้นิ่งขึ้น ซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น จุดนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการอัปเกรดใหม่เลยก็ว่าได้
ในเรื่องของพละกำลัง จังหวะเร่งแซง และความเร็วสูง กำลังดีไม่มีแผ่ว ตามสไตล์ NMAX เพราะข้อได้เปรียบกว่ารถรุ่นอื่นในกลุ่มนี้คือระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่จะช่วยเสริมกำลังในรอบสูง ทำให้การขับขี่ด้วยความเร็วกลางจนถึง Top Speed ไหลขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในรุ่น Standard สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 กม./ชม. เลยทีเดียว
ส่วนในรุ่น Tech Max เปลี่ยนมาลองขี่ในช่วงขึ้นเขาค้อ เส้น Route 12 ซึ่งเป็นช่วงที่มีโอกาสให้ทดลองใช้เทคโนโลยี YECVT ได้อย่างเต็มที่
โดยระบบ YECVT ที่ทาง Yamaha พัฒนาขึ้นมานั้น ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เมื่อขึ้นต้องการเรียกกำลังของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเร่งแซง หรือขึ้นทางชันก็ตาม เพียงคุณกดเป็น Shift ที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย ตัวรถก็จะปรับองศาหน้าชามใหม่ และเพิ่มทดรอบเครื่องยนต์เพิ่มมาให้ 800 รอบ/นาที โดยคุณสามารถกด Boost ได้ 3 ระดับ เท่ากับว่า คุณขี่ด้วยรอบเครื่องยนต์ 7,000 รอบ/นาทีอยู่ดีๆ กด Shift +3 รอบเครื่องยนต์ของคุณก็พุ่งทะลุ 9,000 รอบ/นาที ให้คุณเร่งแซงได้อย่างใจต้องการ
ขณะเดียวกัน เมื่อลงทางลาดชัน คุณสามารถใช้ระบบ YECVT ช่วยเป็น Engine Brake ให้ได้ด้วย เพียงปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift รอบเครื่องยนต์ก็จะฟาดสูงขึ้น (คล้ายกับการเชนจ์เกียร์) ซึ่งสามารถปรับได้ 3 ระดับ ฉะนั้นการขี่ขึ้นทางชัน หรือลงทางชันใน Yamaha NMAX 2025 Tech Max จึงมีความสะดวกสบาย และปลอดภัยมากกว่าในรถระดับเดียวกัน
อีกทั้งในรุ่น Tech Max นี้ ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกเปลี่ยนทั้งโหมด T-Mode ที่เอาไว้ใช้ในการขับขี่ที่ประหยัด หรือถ้าอยากจะซัดก็เปลี่ยนมาเป็น S-Mode เพียงเท่านี้ ตัวรถก็จะปรับอัตราทดให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้คันเร่งของคุณได้อย่างตรงใจ
บทสรุป
โดยภาพรวมแล้วต้องบอกว่า Yamaha NMAX 2025 นั้น จัดเป็นรถออโตเมติกที่โดดเด่นที่สุดในคลาส ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี YECVT ที่ใส่มาให้เป็นครั้งแรก และฟีเจอร์ระดับ Best in Class อย่างระบบช่วงล่างที่อัปเกรดมาใหม่ หน้าจอ 2 หน้าจอเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และระบบเบรก ABS หน้า-หลัง ซึ่งทั้งหมดมันส่งผลถึงในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ที่ Best in Class ด้วย