หลังจากที่ทาง Toyota ได้เปิดตัว All-New Toyota Alphard / Vellfire 2023 รถ MPV สุดหรูในประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ล่าสุดทางโตโยต้าประเทศไทย เตรียมที่จะเปิดตัวรถตู้พรีเมียมของทางค่ายในไทยอย่างเป้นทางการ โดยมีกำหนดการเผยโฉมในวันที่ 16 ส.ค. ที่จะถึงนี้
สำหรับ All-New Toyota Alphard / Vellfire 2024 ใหม่ จะเป็นการนำเข้า (CBU) มาจำหน่ายจากประเทศญี่ปุ่นแบบทั้งคัน โดย MPV ใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์หน้าตาที่ปรับใหม่ ให้หรูหรามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับพละกำลังที่มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะนำรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.5 ลิตร
ซึ่งก่อนที่จะเผยโฉมจริงในไทยวันที่ 16 ส.ค. นี้ ทางทีมงาน Autostation.com มีรายละเอียดบางส่วนของ All-New Toyota Alphard / Vellfire 2024 ใหม่ที่เปิดตัวในญี่ปุ่นมาฝากกันก่อนสักเล็กน้อย
โดย Toyota Alphard และ Vellfire รุ่นใหม่นี้ จะเป็นเจเนอเรชันที่ 4 โดยถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม GA-K ที่ใช้ร่วมกับรถหลาย ๆ รุ่นของทางโตfยต้า รวมทั้แบรนด์เลกซัสอย่างในรุ่น Lexus LM
ดีไซน์ภายนอกของ Alphard และ Vellfire ใหม่ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Forceful x IMPACT LUXURY” ตัวถังจะได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด กระจังขนาดใหญ่ทั้วง 2 รุ่น แต่จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป
โดย Vellfire จะมากับ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น ส่วนในตัว Alphard กระจังที่เป็นตารางสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม และเป็นครั้งแรกที่ได้่รับการติดตั้งโลโก้สามห่วง ที่เป็นสัญลักษณ์ของทางแบรนด์
ส่วนชุดไฟ LED จะมาในทรงเรียวยาวแหลมเหมือนกัน แต่ Alphard จะมีไฟ LED DRL ที่ยาวกว่าในรุ่น Vellfire
ขณะที่ Vellfire จะดูสปอร์ตกว่าโดยจะมากับช่องรับลมขนาดที่ใหญ่กว่าขนาบอยู่บริเวณกระจังหน้า ส่วนด้านหลังความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 รุ่น จะอยู่ที่กราฟิกไฟท้าย LED
ในด้านมิติขนาดตัวรถของทั้ง 2 รุ่น จะมีความยาว 4,995 มม., กว้าง 1,850 มม., ความสูง 1,953 – 1,945 มม. แล้วแต่รุ่น และมีระยะฐานล้อ 3,000 มม.
ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบ “ความสุขในการเคลื่อนไหวที่สะดวกสบาย” โดยในส่วนเบาะที่นั่งยังเพิ่มระยะห่างระหว่างเบาะนั่งแถวที่ 1 และ 2 ขึ้นอีก 5 มม. และเพิ่มระยะห่างระหว่างเบาะแถว 2 และ 3 ขึ้นอีก 10 มม.
ในขณะที่แถวที่สองจะเป็นเบาะนั่งแบบกัปตันซีทที่มาพร้อมชุดควบคุมสั่งงานไว้บริเวณที่เท้าแขนโดยสามารถปรับยกขึ้นได้ โดยจัควบคุมทั้งการปรับเอนนอน, ระบบทำความร้อน/ระบายอากาศ ตลอดจนฟังก์ชันการนวด
นอกจากนั้นยังเพิ่มความหรูหรามากกว่ารุ่นที่ผ่านมา รวมทั้งมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยแดชบอร์ดที่ติดตั้งแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบสีและหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว, ไฟภายในห้องโดยสาร ตัวควบคุม และช่องแอร์ด้านหลังติดตั้งบนหลังคาถูกย้ายจากด้านข้างมาไว้ที่กึ่งกลางเพดาน ซึ่งโตโยต้าเรียกว่า “Super-Long Overhead Console”
ในด้านชุดขุมพลังของ MPV รุ่นใหม่ล่าสุดของทางโตโยต้าได้ถอดเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 ออก โดยขุมพลังของ All NEW Toyota Alphard & Vellfire เวอร์ชั่นล่าสุดในประเทศญี่ปุ่น จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบดังนี้
- เครื่องยนต์ เบนซิน 2.4 Turbo ให้กำลังสูงสุด 279 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ
- เครื่องยนต์ เบนซิน 2.5 ลิตร Hybrid E-Four ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 236 นิวตันเมตร ทำงานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะให้กำลังรวมสูงุสด 250 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ e-FOUR มาพร้อมแบตเตอรี่ Ni-MH (โดยในขุมพลังบล็อกนี้ คาดจะนำเข้ามาวาจำหน่ายในประเทศไทย)
ด้านระบบช่วงล่าง มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบดับเบิลวิชโบน พร้อมด้วยโช้กอัปที่ที่ได้รับการปรับปรุง เพิ่มคันโยกตรง และค้ำยันรูปตัว V ที่ส่วนหลัง ทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เพื่อลดแรงสะเทือนจากพื้นถนนแต่ยังคงไว้ซึ่งความมั่นคงในการขับขี่ นอกจากนี้ Vellfire ยังได้รับ Front Performance Brace เพิ่มเติมและการปรับแต่งระบบกันสะเทือนที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะที่สปอร์ตยิ่งขึ้น
สำหรับราคาจำหน่ายของ MPV หรูทั้ง 2 รุ่นในตลาดญี่ปุ่น
- All-new Toyota Alphard จะมีราคาอยู่ระหว่าง 5,400,000 – 8,720,000 เยน หรือราว 1.3 – 2.1 ล้านบาท
- All-new Toyota Vellfire จะมีราคาระหว่าง 6,550,000 – 8,920,000 เยน หรือประมาณ 1.6 – 2.1 ล้านบาท
ส่วนสนนราคาของ All-New Toyota Alphard / Vellfire 2024 เวอร์ชั่นในเมืองไทย จะอยู่ที่เท่าไหร่ และจะมีออปชั่นมากน้อยแตกต่างจากสเปกญี่ปุ่นมากน้อยอย่างไร วันที่ 16 ส.ค. นี้ได้ทราบกันอย่างแน่นอน
โดยทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้ทราบโดยทันทีที่ MPV หรู ทั้ง 2 รุ่นนี้ถูกเปิดผ้าคลุมออกมา