เริ่มต้นขึ้นแล้วกับงาน Motor Expo 2022 ซึ่งในปีนี้ ป็นปีที่ค่ายรถน้อยใหญ่ ต่างพากันยกทัพยนตรกรรม ยานยนต์มาจัดแสดงกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นรถ ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบเพียว ๆอ รวมถึงพลังงานทางเลือกทั้งในรูปแอบบไฮบริด รวมถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบันนี้ซึ่งนอกเหนือการจากเปิดตัวรถโมเดลใหม่ ภายในงานยังมีการจัดแคมเปญ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากคุณไม่อยากเสียเวลาเดินหารถที่เป็นไฮไลท์ให้วุ่นวาย ทางทีมงาน Autostation.com ได้จัดทำลายแทงขุมสมบัติรถไฮไลท์ภายในงานไว้ให้ชมกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีรุ่นอะไรกันบ้าง รายละเอียดเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย
Toyota GR Corolla
เปิดหัวกันด้วย Toyota GR Corolla รถแฮทช์แบ็กรุ่นใหม่ตัวแรงในตระกูล GR series ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ 4 ในตระกูล GR series ถูกพัฒนาขึ้นจาก Toyota Corolla ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ที่ทำตลาดหลักในอเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
รูปลักษณ์ภายนอกเน้นความดุดัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรถแรลลี่ในสนามแข่ง มาพร้อมหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ เสริมความสปอร์ตด้วยปลายท่อไอเสียสามทางที่ซ้าย-ขวาเป็นปลายท่อทรงกลม ส่วนตรงกลางเป็นทรง 4 เหลี่ยม
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Ultrasuede และเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ พร้อมปักโลโก้ GR ไว้ที่ตัวเบาะ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมตีตรา GR
ขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ที่ให้กำลัง 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-FOUR with Limited Slip Differential
Honda Civic Type R (FL5)
ส่วนคันที่ 2 จะเป็นคันไหนไปไม่ได้นอกจาก Honda Civic Type R (FL5) รถโรดคาร์แบรนด์ R ของฮอนด้าที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก Civic Hatchback เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน
ในด้านรูปลักษณ์การออกแบบจะเน้นความสปอร์ต ล่ำสัน และโฉบเฉี่ยว ภายในออกแบบให้ดูสปอร์ตและร้อนแรงด้วยโทนสีแดง-ดำ เบาะนั่งบัคเก็ตซีททรงสปอร์ต คอนโซลหน้าจะถูกยกดีไซน์มาจาก Honda Civic Hatchback FL มาพร้อมแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.2 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว
ขุมพลังติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ VTEC Turbo K20 ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ ที่ได้รับการพัฒนาปรับจูนใหม่ ให้มีกำลังมากถึง 320 แรงม้า แรงบิต 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังคู่ล้อหน้าผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีต ที่ปรับปรุงใหม่ มีโหมดขับขี่ให้เลือกสนุกได้ 3 โหมด ได้แก่ Comfort, Sport และ R+ มาพร้อมระบบเฟืองท้าย LSD (Limited Slip Differential) ระบบเบรกจาก Brembo พร้อมคาลิเปอร์สีแดง เติมแต่งอรรถรสด้วยเสียงสังเคราะห์ Active Sound Control สำหรับราคายังไม่มีการประกาศออกมา
MG4 ELECTRIC
สำหรับคันที่ 3 จะอยู่ในบูธ MG นั่นก็คือ MG4 ELECTRIC รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ที่มาพร้อมขับเคลื่อนล้อหลังคันแรกจากค่าย MG ในด้านดีไซน์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่เน้นความโฉบเฉี่ยว มาพร้อมหลังคาแบบลาดเท สอดรับกับสปอยเลอร์หลังแบบ Twin Arrow Wing ที่เป็นแบบเดียวกับบนตัวรถแข่งในสนาม และล้อแบบ Aero Wheel Cover ขนาด 17 นิ้ว ที่ช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค ชุดไฟท้ายจะเป็นแบบ LED ลาย Cgynus Symbol Decorative Light ที่พาดยาวตลอดแนวด้านท้าย ที่ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของสปอยเลอร์ชุดล่างแบบ Duck Trail
ภายในห้องโดยสารของได้รับการออกแบบให้ดูเรียบง่าย ไม่มีปุ่มสั่งการต่าง ๆ ให้ดูรกตา คอนโซลกลางที่ออกแบบให้เป็นแบบลอยตัว ที่จะจะมีเพียงแป้นหมุนปรับโหมดเกียร์ กับเบรกมือไฟฟ้า และที่ชาร์ตสมาร์ตโฟนเท่านั้น
MG4 ELECTRIC มากับแพล็ตฟอร์มNebula Pure Electric Platform ที่ออกแบบสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาคู่หลังให้กำลัง 170 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตันเมตร
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ขนาดความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน ด้านราคาจำหน่ายจะมีราคาเริ่มที่ 869,000 – 969,000 บาท
Suzuki Ertiga SMART HYBRID
มาถึงคันที่ 4 แล้วสำหรับรถไฮไลท์เด็ดในงาน Motor Expo 2022 นั่นก็คือ Suzuki Ertiga Smart Hybrid รถยนต์ MPV อเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซียแบบทั้งคัน มาพร้อมกับรูปลักษณ์หน้าตาที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่จากเดิมเล็กน้อย โดยได้รับการเปลี่ยนในส่วนลวดลายกระจังหน้าใหม่ ประตูท้ายคาดโครเมียมตกแต่งใหม่ บริเวณแนวใต้กระจกบานหลัง มาพร้อมกับโลโก้ Hybrid
ขณะที่ดีไซน์ด้านข้างยังคงเดิม มากับไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างพร้อมระบบพับอัตโนมัติเมื่อล็อครถ ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 15 นิ้ว ในรุ่น GX ส่วนของ GL เป็นสีเงินอีกลวดลายหนึ่ง รัดด้วยยาง 185/65 R15
ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง หุ้มด้วยวัสดุผ้า พร้อมตกแต่งด้วยลายไม้ที่คอนโซลกลาง และแผงประตู เพิ่มเติมด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ที่สามารถแสดงการทำงานของระบบไฮบริด และที่ชาร์จไฟไร้สาย
ด้านพละกำลังจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ISG ที่ให้กำลังสูงสุด 2.3 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 50 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบ Idling Stop ช่วยดับเครื่องยนต์ขณะรถหยุดนิ่ง ส่งผลทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 17.9 กม./ลิตร ดีขึ้นกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเดิมที่มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.9 กม./ลิตร
Suzuki Ertiga SMART HYBRID จะมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น GL ราคา 783,000 บาท ส่วนรุ่นท๊อปจะเป็นรุ่น GX ราคาอยู่ที่ 839,000 บาท
Mercedes-AMG SL43
เดินทางมาถึงครึ่งทางของทีเด็ดภายในงาน Motor Expo 2022 เราย้ายข้ามมาในรถยนต์ฝั่งตะวันตกจากเยอรมนีอย่างทางค่าย Mercedes-Benz ที่มีดาวเด่นอย่างทาง Mercedes-AMG SL43 ใหม่จอดเด่นอยู่ภายในบูธ
Mercedes-AMG SL43 เป็นโรดสเตอร์ 4 ที่นั่ง เปิดประทุนเรือธงตัวใหม่ของทางค่ายตราดาวจากเยอรมนี มาพร้อมรุปลักษณ์ที่ได้รับ DNA มาจากรุ่นพี่ทั้ง SL55 และ SL63 เสริมความหล่อเท่ห์ด้วยท่อไอเสียทรงกลมแบบคู่
ภายในห้องโดยสารเป็นแบบ 2 + 2 หุ้มด้วยหนัง ARTICO และหนัง NAPPA มาพร้อมหน้าจอมาตรวัด LCD ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจออินโฟรเทนเมนต์แบบแนวตั้วขนาด 11.9 นิ้ว
มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร พร้อมกับมอบสมรรถนะเพิ่มอีก 14 แรงม้า (PS) จากชุดเทอร์โบไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ MCT 9 สปีด ไปยังคู่ล้อหลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที และสามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 275 กม./ชม. เปิดราคาจำหน่ายในไทย 11.7 ล้านบาท
ORA Grand Cat
สำหรับคันที่ 6 จะอยู่ในบูธ GWM ซึ่งในปีนี้คงจะไม่มีใครโดเด่นไปกว่า ORA Grand Cat รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบคูเป้ท้ายลาด 4 ประตู
โดย ORA Grand Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบซีดานคูเป้ 4 ประตู ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลทฟอร์ม GWM Lemon ในด้านการออกแบบมากับเส้นสายตัวรถที่ดูโค้งมนรอบคัน กระจังหน้าแบบปิดที่มาพร้อมระบบ Active Air Intake (Active Air Inlet Grille) เสริมความหรูหราด้วยการตกแต่งมุมกันชนหน้าด้วยเส้นสายโครเมียม
มาพร้อมประตูแบบไร้กรอบ เสริมความทันสมัยด้วยหลังคากระจก Glass Roof และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และสปอยเลอร์สปอยเลอร์หลังไฟฟ้า Electric Rear Spoiler มาพร้อมเสียงท่อไอเสียสังเคราะห์เพื่อเพิ่มความสปอร์ตในการขับขี่ Exhaust Synthetic Noise
ภายในดูเรียบหรูด้วยจอ Multimedia Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพง Infinity 11 ตัวและแอมพลิไฟเออร์แยกอิสระ เบาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบคูลลิ่งและนวดไฟฟ้า อำนวยความสะดวกสบายได้อย่างครบครัน
ในด้านขุมพลังติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อน 2 ตัว แบบขับเคลื่อิน 4 ล้อ ให้กำลัง 408 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที และวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 550 กม.ต่อหนึ่งการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC
โดยในปัจจุบันทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่าย ORA Grand Cat แต่คาดว่าคงอีกไม่นานเกินรอ
NETA S
สำหรับอีกหนึ่งไฮไลทฺ์เด็ดจะอยู่ที่ทางค่าย NETA ซึ่งในปียกทัพรถยนต์ไฟฟ้ามาแบบครบไลน์ทั้ง NETA V ที่เปิดตัวไปก่อนล่วงหน้า และ NETA U PRO ที่ข่าวว่าจะเปิดตัวในไทยช่วงปี 2566 ที่จะถึงนี้ ส่วนที่เเป็นทีเด็ดคงหนีไม่พ้น NETA S รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบสปอร์ตคูเป้ ท้ายลาดประตูเปิดแบบปีกนก
ในด้านพละกำลังมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ให้กำลังมากถึง 498 แรงม้า แรงบิตสูงสุด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที โดยในรุ่นที่นำมาโชว์ตัวนี้จะเป้นสเปคเมืองจีน ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 91kWh ให้ระยะทางในการขับขี่ไกลถึง 650 กม.ตามมาตรฐาน CLTC
ด้านดีไซน์ภายนอกดีไซน์สปอร์ตคูเป้ ล้ำสมัย พร้อมประตูคู่หน้าแบบปีกนก ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential มาพร้อมหลังคา Panoramic Sunroof ขนาด 1.9 ตารางเมตร และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 17.6 นิ้ว ที่มาในแนวตั้ง มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 13.3 นิ้ว หน้าจอ HUD ที่สะท้อนภาพขี้นไปยังกระจกหน้า รวมถึงยังมีหน้าจอฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 12.3 นิ้ว อีกทั้งยังมาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon Chip เจเนอเรชั่นที่ 3 (Qualcomm Snapdragon 8155) รองรับการสื่อสารสัญญาณ 5G ระบบสั่งการด้วยเสียง ตอบสนองภายใน 1.8 วินาที
สำหรับการวางจำหน่ายในไทย คาดว่าจะมีขึ้นหลังจากที่เปิดตัว NETA U PRO ในปีหน้า
BYD SEAL
สำหรับค่าย BYD น้องใหม่ ในงาน Motor Expo 2022 ปีนี้ ยกทัพยานยนต์ไฟฟ้ามาแบบจัดเต็มโดยได้นำรถยนต์ไฟฟ้าสั่งลงเรือตรงจากจีน โดยนำทีมมาโดย BYD ATTO 3 ที่ถูกเปิดตัวไปแล้วในบ้านเราเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้นยังมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ยกมาจัดโชว์จากประเทศจีนอีก 6 รุ่น ได้แก่ BYD HAN EV, BYD TANG EV, BYD Dolphin EV, BYD QIN PLUS DMi, BYD SONG PLUS DMi แต่รุ่นที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น BYD SEAL ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบซีดานขนาดกลาง 4 ประตู ที่คาดหวังจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับทาง Tesla Model 3
สำหรับ BYD SEAL ที่เปิดวางจำหน่ายในจีนจะมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย มาพร้อมขุมพลังให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสุงสุดถึง 530 แรงม้า
ตัวถังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่โค้งมนตามหลักแอร์โร่ได-นามิค ส่งผลทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.219 Cd
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจออินโฟนเทนเมต์ขนาด 15.6 นิ้ว ที่สามารถหมุนได้ มาพร้อมหน้าจอ LCD ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขนาด 10.25 นิ้ว วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นลาย 3 ก้าน
ด้านขุมพลังขับเคลื่อนของ BYD Seal EV จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ ได้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่หมุนคู่ล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า, มอเตอร์ไฟฟ้าเดียว/ขับหลัง 310 แรงม้า นอกจากนั้นยังมีในรุ่นเรื่อธงที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนแบบ AWD โดยมอเตอร์ที่อยู่คู่ล้อหน้าจะให้กำลัง 204 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ที่อยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 310 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 530 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที
สำหรับแบตเตอรี่จะมีขนาดที่แตกต่างกันไปแต่ละรุ่นย่อย 61.4 kWh – 82.5 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 550-700 กม. ด้านการชาร์จไฟ มาพร้อมระบบ Fast Charge DC ขนาด 110 kW ชาร์จไฟจาก 30-80% ในเวลาเพียง 30 นาที
Hyundai Stargazer
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจภายงาน Motor Expo 2022 จะอยู่ที่บูธฮุนไดนั่นก็คือ Hyundai Stargazer รถ MPV 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่จะมาเป็นคู่แข่งของทาง Veloz / Xpander /XL7 และ Ertiga
สำหรับด้านรูปลักษณ์ดีไซน์นั้นได้รับแรงบันดาลใจการดีไซน์รูปลักษณ์มาจาก Hyundai Staria มาพร้อมชุดไฟ DRLs ที่เป็นเส้น LED วางพาดยาวเต็มในส่วนหน้ารถ ชุดไฟส่องสว่างหน้าจะเป็นแบบเรียวซ้อนกัน 4 ดวง ที่ถูกแยกออกมา มาพร้อมกับชุดไฟท้าย LED รูปสามเหลี่ยม มาพร้อมเส้นไฟ LED ที่วางพาดยาวเชื่อมต่อไฟท้ายทั้งสองฝั่งที่เป็นรูปตัว H ขนาดใหญ่
ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูล LCD ขนาด 4.2 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน มาพร้อมหน้าอินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
ในด้านพละกำลังจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 113 แรงม้า แรงบิด 144 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT ส่วนการจัดจำหน่ายคาดว่าจะเริ่มลงตลาดในไทยช่วงปีหน้า
Porshe Cayman GT4 RS
ปิดท้ายคันที่ 10 ของรถยนต์ไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงาน Motor Expo 2022 นั่นก็คือ Porshe Cayman GT4 RS
สำหรับ Porshe Cayman GT4 RS ถือเป็นสปอร์ตเรือธงประจำตระกูล 718 ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์วางกลาง 6 สูบนอน ระดับ 500 แรงม้า NA มาพร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตร เช่นเดียวกันกับรถแข่ง Porsche 911 GT3 รุ่นตัวถัง 992 ใหม่ล่าสุด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่อัจฉริยะ PDK ซึ่งสามารถเปลี่ยนอัตราทดทั้ง 7 จังหวะได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้สามารถเร่งออกตัวจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 315 กม./ชม.
มาพร้อมโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ส่งผลทำให้มีน้ำหนักตัวเพียง 1,415 กก. ในด้านการออกแบบดีไซน์ มาพร้อมชุดแอโร่ไดนามิคส์แบบจัดเต็ม ด้านหน้าติดตั้งสปลิตเตอร์ที่ช่วยสร้างแรงกด รวมถึงเจาะช่องที่แก้มเพื่อลดลมหมุนวนในซุ้มล้อ ด้านท้ายโดดเด่นด้วยปีกหลังใหม่แบบ fixed ขายึด swan-neck ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่รับลมเพื่อสร้างแรงกดในด้านท้าย นอกจากนี้ในด้านข้างยังมาพร้อมช่องรับลมที่มาแทนที่กระจก รวมถึงมีการออกแบบช่องรับลมระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ใหม่
สำหรับราคาจำหน่ายของ Porshe Cayman GT4 RS เปิดราคาจำหน่ายไว้ที่ 15.8 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยานยนต์ ที่มีจัดแสดงอยู่ที่ในงาน Motor Expo 2022 นอกจากนี้ยังมีรถเปิดตัวใหม่อีกหลากหลายรุ่นให้ชม และได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปชมได้ที่งาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 ที่จัดขึ้น ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565