เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Continental GT และ GTC Speed แกรนด์ทัวเรอร์สุหรู เจนเนอเรชันที่ 4 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ด้านหน้า รวมทั้งยังมากับขุมพลังบล็อกใหม่ที่ยกเครื่องยนต์ W12 ออก แล้วนำขุมพลัง V8 Hybrid เข้ามาแทนที่ ส่งผลทำให้เป็นรถที่มีกำลังมากที่สุดที่ทางเบนท์ลีย์ เคยผลิตมา โดบมีกำลังแรงม้าลงพื้นที่มากถึง 771 แรงม้า
ในด้านงานออกแบบตัวรถของ Bentley Continental ใหม่นี้ถูกปรับดีไซน์ใหม่มีความโฉบเฉี่ยวมากกว่ารุุ่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนด้านหน้า จะมีอารมณ์ดูคล้ายกับ Bentley Batur จากชุดไฟทรงกลม 4 ดวง ที่มีมาตั้งแต่เจน ฯ แรก ปี 1959 ถูกเปลี่ยนมาเป็นไฟหน้าเมทริกซ์ LED ทรงกลมเดี่ยว พร้อมกับปรับในส่วนของกระจังหน้าให้เล็กลง
ขณะที่ในส่วนเส้นสายตัวรถด้านข้างยังคงรักษาสัดส่วน และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์จากเจเนเรชันแรกเอาไว้ เติมความโดเด่นด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบลวดลายโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากกรงเล็บของเสือ
ด้านชุดไฟท้าย มากับไฟท้าย LED แบบแยกส่วน 2 ชิ้นทรงรียาว โดย Bentley Continental ใหม่จะมีมีให้เลือกทั้งรูปแบบหลังคาแข็ง โดยจะเรียกรุ่นนี้ว่า Bentley Continental GT และหลังคาผ้าใบเปิดประทุนที่มาในชื่อว่า Bentley Continental GTC Speed
โดยในรุ่นหลังคาผ้าเปิดประทุนนี้จะถูกผลิตขึ้นจากผ้า Seven-bow มีให้เลือก 7 สี พร้อมทั้งสามารถเปิด – ปิดได้ในขณะที่ตัวรถกำลังวิ่งอยู่ในช่วงความเร็วไม่เกิน 48 กม./ชม. โดยจะใช้เวลาเพียง 19 วินาที เท่านั้น
ภายในห้องโดยสาร จะได้รับอิทธิพลมากจาก Continental GT เจนเนอเรชั่นที่ 3 โดยทางวิศวกรของทางเบนท์ลีย์ปรับปรุงในเรื่องการป้องกันเสียงให้ดีขึ้น พร้อมกับตกแต่งด้วยลวดลายการควิลท์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบแฟชั่นแบบร่วมสมัยที่บริเวณเบาะโดยสาร และประตูห้องโดยสาร
นอกจากในส่วนเบาะที่นั่งยังหุ้มด้วยหนังเกรดพรีเมียม พร้อมตัดเย็บด้วยลวดลายใหม่ ตัวเบาะปรับได้ 20 ทิศทาง ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะมากับนวัตกรรมหน้าจอแสดงผลแบบหมุนได้อันเป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์ ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผล 3 ด้านที่ประกอบด้วยจอแสดงผลระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว หน้าปัดแอนะล็อกสุดคลาสสิก 3 หน้าปัด และด้านที่บุด้วยแผ่นไม้วีเนียร์ที่งดงาม ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนทั้ง 3 ด้านได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว
นอกจากนั้นยังมากับระบบเครื่องเสียงของ Continental GT ใหม่ จะมากับระบบเสียง 650 วัตต์ พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมากับรถ แต่มีออปชันเสริมเป้นเครื่องเสียงของทาง Bang & Olufsen ขนาด 1,500 วัตต์ และ Naim 2,200 วัตต์ให้เป้นอีกตัวเลือก
รวมทั้งยังมากับระบบไฟหลากสีภายในห้องโดยสาร (Mood Lighting) ยังตกแต่งรอบห้องโดยสารเพื่อสร้างเอฟเฟกต์แบบรังไหม โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเฉดสีของแสงไฟได้กว่า 30 เฉดสี
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Bentley Continental GT / GTC Speed เจนฯ ใหม่ ได้ถอดเครื่องยนต์ W12 ออกพร้อมติดตั้งขุมพลังใหม่ที่เป็นระบบไฮบริดที่ถูกเรียกว่า Ultra Performance Hybrid ที่จะมากับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังมากถคง 600 แรงม้า งานร่วมกับร่วมมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรงม้า ส่งผลให้มีพละกำลังรวมที่มากถึง 771 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้นชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Dual-Clutch
ส่งผลทำให้ในรุุ่นตัวถังคูเป้หลังคาแข็งมีอัตราเร่งจาก 0 -100 กม./ชม. ในเวลา 3.2 วินาที ขณธที่ในรุ่นหลังคาผ้าจะใชัเวลาที่ 3.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 285 กม./ชม.
รวมไปถึงยังสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุดกว่า 80 กม. (WLTP) ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 25.9 kWh ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังรถ พร้อมกับมีระยะทางครอบคลุมการวิ่งได้ไกลถึง 859 กม. เมื่อน้ำมันเต็มถัง และแบตเอรี่ชาร์จไฟเต็ม
สำหรับระบบช่วงล่างของ Bentley Continental ใหม่ จะมากับแอร์สปริง Two-chamber ใหม่ และระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมากับระบบควบคุมการทรงตัวของรถแอคทีฟ 48V Bentley Dynamic Ride, Limited Slip Differential ปรับด้วยไฟฟ้า และ Torque Vectoring ส่งผลทำให้ตัวรถที่การกระจายน้ำหนัก หน้า และหลัง อยู่ที่ 49 : 51 โดยจะทำให้รู้สึกสบายในช่วงการเดินทาง
ในด้านราคาจำหน่ายของ Continental GT และ Continental GTC ทาง Bentley ยังไม่ไกด้เปอิดเผยตัวเลขออกมา เพียงแต่บอกว่าตัวรถพร้อมเดินสายพานการผลิตแล้วที่ในโรงงานในเมือง Crewe ประเทศอังกฤษ ส่วนการวางจำหน่าบจะมีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 นี้