BMW เปิดตัว New BMW 1-Series รหัสตัวถัง F70 รุ่นปรับโฉมใหม่ ถึงแม้ว่ายังคงเป็นเจอเนอเรชันเดิมที่ 4 แต่ก็ มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอก และภายใน นอกจากนี้ยังเป็น 1-Series รุ่นแรก หรือรุ่นนำร่องที่จะยกเลิกสัญลักษณ์ “i” ต่อท้ายชื่อรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เพราะเนื่องจากเป็นการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ที่ต้องการใช้ตัว i เป็นคำนำหน้าชื่อรุ่นของรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ยอกตัวอย่างเช่นในรุ่นพื้นฐาน 118i ก็จะกลายเป็น 118 หรือในรุ่นเรือธง M135i xDrive จะกลายเป็น M135 xDrive อีกทั้งยังถอกชุดเกียร์ธรรมดาออกจากสาระบบ โดย BMW 1 Series โฉมใหม่นี้เตรียมพร้อมลงว์รูมวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม 2024 นี้
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ จะมากับกระจังหน้าไตคู่ทรงใหม่ที่ปรับขนาดเล็กลงกว่าเดิม พร้อมเพิ่มแถบแนวเฉียงที่ด้านข้างตัวกระจัง มาพร้อมชุดไฟหน้า LED ที่ลดขนาดลง อีกทั้งยังดีไซน์ในส่วนของไฟ LED DRL ใหม่ ให้มาในทรงแถบขีดแนวตั้ง
เส้นสายตัวถังมาในทรงสปอร์ตมากขึ้น หลัวคาด้านท้ายมาในทรงที่ลาดเท ไฟท้ายออกแแบบใหม่ให้มีความทันสมัยขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถครอสโอเวอร์รุ่น X2 เจเนอเรชั่นล่าสุด ขณะที่ล้ออัลลอยจะมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 – 19 นิ้ว โดยรุ่น M Sport เพิ่มเติมด้วยกันชนท้ายที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ในตัว
ในด้านขนาดมิติตัวรถของ BMW 1-Series 2025 จะมีความยาว 4,361 มม. (เพิ่มขึ้น 42 มม.) ความกว้าง 1,800 มม. (เท่าเดิม) ความสูง 1,459 มม. (เพิ่มขึ้น 25 มม.) ระยะฐานล้อ 2,670 มม. (เท่าเดิม)
ภายในห้องโดยสาร ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เริ่มจากแผงแดชบอร์ด จะมากับหน้าจอโค้งค฿่ขนาสดใหญ่ที่เป็นการรวมกันระหว่างหน้าจอมาตรวัดผู้ขับขี่จะมีขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจออินโฟรเทนเมนต์ขนาด 10.7 นิ้ว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 มาพร้อมระบบควบคุม BMW iDrive และ QuickSelect รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
นอกจากนั้นยังได้รับการออกแบบปุ่มกดบริเวณคอนโซลหน้าใหม่ ซึ่งจะทำให้ปุ่มกดต่าง ๆ หายไป มาพร้อมช่องแอร์ใหม่ที่สามารถปรับทิศทางลมได้ด้วยปุ่มปรับแยกส่วน และติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียงไว้ที่บริเวณคอนโซลกลางใกล้กับปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวดมากขึ้น
อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถเลือกเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยวัสดุ Econeer ที่ได้มาจากการรีไซเคิลขวด PET และวัดสุผ้า Arktur
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในยังได้รับ หน้าจอ HUD, หลังคา Panoramic Glass Roof, เครื่องเสียงจาก Harman Kardon, แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone และชุดไฟ Ambient Lighting
เบาะที่นั่งด้านหลังพับแบบ 60:40 หรือ 40:20:40 มาพร้อมพื้นที่เก็บของด้ายท้ายที่มีความจุ 380 ลิตรเมื่อพับเบาะลงจะมีพื้นที่ 1,200 ลิตร
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมีให้เลือก 4 รหัสได้แก่ 120, 118d, 120d และตัวแรง M135 xDrive โดยในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินได้ทำการถอดสัญลักษณ์ ‘i’ ต่อท้ายออกทั้งหมด เพื่อเป็นการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ที่ต้องการใช้ตัว i เป็นคำนำหน้าชื่อรุ่นของรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
- รุ่น 120 จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร Turbo มาพร้อมเทคโนโลยี MHEV 48V ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.8 วินาที
- รุ่น 118d จะมากับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 8.3 วินาที
- รุ่น 120d จะมากับเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมระบบ MHEV 48V ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัวสเมตร ให้อัตราเร่ง ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที
- รุ่น M135 xDrive มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Turbo ให้กำลัง 300 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม. / ชม.
โดยทุกรุ่นใช้เกียร์ 7 speed Dual Clutch automatic และพิเศษสำหรับในรุ่น M135 xDrive ยังสามารถเลือกติดตั้งแพ็คเกจดังนี้ได้ M Sport Package M Sport Design และ M Technology Package เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างครบครันยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยูยังไม่มีการเปิดราคาจำหน่ายของ BMW 1-Series ใหม่ออกมา เพียงแต่เผยว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไปประเดิมที่ในยุโรป ก่อนจะขยายไปภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก รวมทั้งในตลาดเมืองไทย ส่วนจะมาช่วงไหนนั้นถ้าหากมีความคืบหน้าอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะรีบนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง