in , ,

BYD Leopard 5 เอสยูวี PHEV 680 แรงม้า เปิดราคาจำหน่ายในจีน เริ่มที่ 1.44 ล้านบาท

BYD Leopard 5 รถเอสยูวีสายลุยใหม่ ขนาดกลางมาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด 680 แรงม้า วิ่งด้วยโหมด EV ได้ระยะทางไกลสุด 125 กม. เปิดราคาจำหนายอย่างเป็นทางการในจีนเริ่มที่ 289,800 หยวน หรือราว 1.44 ล้านบาท ในประเทศจีน

BYD Leopard 5

Leopard แบรนด์ใหม่ในสังกัดของทาง BYD หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัว พร้อมเผยภาพชุดแรกของ Leopard 5 ที่เป็นเอสยูวีสายลุยใหม่ออกมา ล่าสุดได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการออกมาแล้วในประเทศจีน โดยจะมีให้ 3 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่าบระหว่าง 289,800 – 352,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.44 – 1.76 ล้านบาท

BYD Leopard 5

สำหรับ Leopard เป็นแบรนด์รถใหม่ลำดับที่ 5 ของทาง บีวายดี ถูกเปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยในซับแบรนดฺ์ใหม่ของทาง BYD นี้จะเน้นการผลิตรถในรูปแบบ รถออฟโรด ไปจนกระทั่ง รถสปอร์ต   

BYD Leopard 5

โดย BYD Leopard 5 จะเป็นรถเอสยูวีคันแรกของทางแบรนด์ หรือจะมีชื่อเรียกในบ้านเกิดที่เมืองจีนว่า Bao 5 รวมทั้งอาจจะใช้ชื่อว่า Super 5 ถ้านำไปวางจำหน่ายในตลาดนอกประเทศจีน 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

Leopard 5 เป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง มาพร้อมภาษาการออกแบบที่เรียกว่า “Leopard Power Aesthetics”  ด้านหน้าจะมากับกระจังหน้าสีดำทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ ด้านในออกแบบเป็นตารางสี่หลี่ยม ตรงกลางติดตั้งโลโก้ของทาง Leopard ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดวางเชื่อมต่อกัน 4 ดวง มาพร้อมกล้อมด้านหน้ารถที่อยู่ด้านล่าง

BYD Leopard 5

ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าแบบเมทริก โดยมีแถบไฟ LED 2 เส้นวางอยู่ทั้งด้านบน และด้านล่างตัวกระจัง หน้า เชื่อมต่อไฟหน้าทั้ง 2 ฝั่ง มาพร้อมกันหน้าขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานสีเงิน เพิ่มลุคตัวรถให้ดุหรูหรา โดยฝังไฟตัดหมอกทรงกลมเล็กไว้ที่ตัวกันชน 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

เส้นสายด้านข้างตัวรถมากับเหลี่ยมมุมที่ดูดุดัน ซุ้มล้อสีดำทรงเหลี่ยม มาพร้อมล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง A/T จาก BFGoodrich ขนาด 265/55 R18 เติมความดุในสไตล์ออฟโรดด้วยกาบข้างประตูสีดำ และราวหลังคาสีดำ นอกจากนั้ยังเสริมความปลอดภัยด้วยกล้องที่ติดตั้งอยู่หลังซุ้มล้อหน้าทั้ง 2 ฝั่ง 

BYD Leopard 5

ส่วนด้านท้ายติดตั้งล้ออะไหล่พร้อมฝาครอบล้อ มาพร้อมกันชนท้ายดีไซน์โหดขนาดใหญ่ มาพร้อมหูเกี่ยวลาก 2 จุด 

BYD Leopard 5

มีมิติขนาดความยาวตัวรถอยู่ที่ 4,890 มม., กว้าง 1,970 มม., สูง 1,920 มม., ระยะฐานล้อ 2,800 มม. และมีระยะห่างจากพื้น 220 มม. นอกจากนี้ยังมีมุมเข้าหา และมุมออก 35 และ 32 องศาตามลำดับ

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ภายในห้องโดยสารจะรองรับ 5 ที่นั่ง งานออกแบบเน้นความไฮเทคล้ำสมัย แผงแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอถึง 3 จอ โดยจะแบ่งเป็นหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape ตรงกลางจะเป็นหน้าจอควบคมุส่วนกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว และหน้าจอฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าที่มีขนาด 12.3 นิ้ว นอกจากนั้น BYD Leopard 5 ยังได้รับการติดตั้งจอ AR-HUD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 50 นิ้ว

BYD Leopard 5

คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ถูกเชื่อมต่อกับคอนโซลหน้าแบบสะพานแขวน โดยด้านล้างจะเป็นช่องเก็บของ มาพร้อมพอร์ต USB 2 พอร์ต และ Type-C 1 พอร์ต และปุ่มควบคุมที่หัวเป็นแก้วคริสตัล ที่ออกแบบคล้ายที่ตวบคุมภายในห้องนักบิน 

BYD Leopard 5

ขณะที่ด้านบนจะมาพร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟน 2 จุด คันเกียร์ออกแบบให้ยืดหดได้ อีกทั้งยังมาพร้อมปุ่มควบคุมสั่งการในรถที่ออกแบบให้ดูคล้ายกับปุ่มงานงานบนเครื่องบิน 

BYD Leopard 5

ในด้านชุดอุปกรณ์ภายในของ BYD Leopard 5 ยังจะได้รับ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ, กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่ง, ระบบน้ำหอมอัจฉริยะ เครื่องเสียงจากทาง Devialet พร้อมลำโพง 18 ตำแหน่ง 

รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์ Face ID ที่อยู่เสา A จากฝั่งคนขับ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับ L2 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Leopard 5 จะมากับระบบไฮบริดใหม่ที่เรียกว่า DMO (Dual Mode Off-road) มาพร้อมระบบควบคุมตัวถังไฮดรอลิกอัจฉริยะ Cloud-P

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 135 kW หรือ 181 แรงม้า แรงบิด 273 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าไฟฟ้าคู่ โดยมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 268 แรงม้า และมอเตอร์หลังให้กำลัง 385 แรงม้า มาพร้อมตัวล็อกเฟืองท้าย 3 ตัว โดยจะให้กำลังรวมที่มากถึง 680 แรงม้า แรงบิดสูงุสด 760 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โดยจะให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาที 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ขณะที่ชุดแบตเตอรี่จะมีขนาดความจุอยู่ที่ 31.8kWH วิ่งดเ้วยโหมดไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ระยะทางไกลสุด 125 กม. ตามมาตรฐาน CLTC พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่จะให้กำลังไฟจาก 30% -80% ในเวลาเพียง 16 นาที เท่านั้น  นอกจากนั้นทาง Leopard ยังเคลมว่า ถ้าน้ำมันเต็มถัง แบตเตอรี่ชาร์จเต็มจะวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 1,200 กม. ตามมาตรฐาน CLTC อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี V2L ที่จะสามารถปล่อยกระแสไฟไปยังชุดอุปกรณ์ภายนอกได้ 

BYD Leopard 5

สำหรับ Leopard 5 เอสยูวีใหม่นี้มีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย โดยทาง BYD ตั้งราคาจำหน่ายในเมืองจีนไว้ระหว่าง 289,800 – 352,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.44 – 1.76 ล้านบาท