in , ,

BYD Leopard 5 เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริด 680 แรงม้า ในจีน

Leopard 5 รถเอสยูวีใหม่ขนาดกลาง ที่เป็นซับแบรนด์ของทาง BYD มาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่ให้พละกำลังมากถึง 680 แรงม้า กับราคาจำหนายที่คาดว่าจะอยู่ที่ 400,000 หยวน หรือราว 1.9 ล้านบาท ในประเทศจีน

BYD Leopard 5

หลังจากที่ทาง BYD ได้ประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในสังกัดที่ใช้ชื่อว่า Fang Cheng Bao ซึ่งแปลจากภาษาจีนหมายความว่า “Formula” และ “Leopard” เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยในแบรนด์ใหม่นี้จะเป็นแบรนด์ย่อยลำดับที่ 5 ของทางบีวายดี ที่จะผลิตทั้ง รถยนต์ออฟโรด ไปจนกระทั่ง รถสปอร์ต เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

BYD Leopard 5

โดยล่าสุดทาง Fang Cheng Bao หรือ Leopard ได้เปิดตัว รถเอสยูวีตัวแรกของทางแบรนด์ออกสู้สายตาประชาชนในเมืองจีนแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทยอยแย้มภาพทีเซอร์ออกมาเป็นระยะ ๆ โดยรถเอสยูวีตัวใหม่นี้จะถูกใช้ชื่อทางการตลาดว่า Leopard 5 หรือ Bao 5 (ในภาษาจีน) รวมทั้งอาจจะใช้ชื่อว่า Super 5 ถ้านำไปวางจำหน่ายในตลาดนอกประเทศจีน 

BYD Leopard 5

สำหรับ BYD Leopard 5 เป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง ที่ถูกสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมแบบไฮบริดใหม่ที่เรียกว่า DMO (Dual Mode Off-road) โดยจะออกวางตลาดในเมืองจีนปีนี้ ซึ่งนอกจาก BYD Leopard 5 ที่เป็นเอสยูวีตัวแรกของทางแบรนด์แล้ว ทาง Leopard เตรียมที่จะเปิดตัวอีก 2 รุ่น ตามออกมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งได้แก่ Leopard 3 และ Leopard 8

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5 เป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง ที่มีมิติตัวถังยาว 4,890 มม., กว้าง 1,970 มม., สูง 1,920 มม., ระยะฐานล้อ 2,800 มม. และมีระยะห่างจากพื้น 220 มม. นอกจากนี้ยังมีมุมเข้าหา และมุมออก 35 และ 32 องศาตามลำดับ

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ในด้านงานออกแบบดีไซน์จะมาในแบบเอสยุวีสายลุย มาพร้อมภาษาการออกแบบที่เรียกว่า “Leopard Power Aesthetics” โดยจะดูคล้ายรถเอสยูวีแบบเรโทรทรงเหลี่ยม ด้านหน้าจะมากับกระจังหน้าสีดำทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ด้านในออกแบบเป็นตารางสี่หลี่ยม

BYD Leopard 5

ตรงกลางติดตั้งโลโก้ของทาง Leopard ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดวางเชื่อมต่อกัน 4 ดวง มาพร้อมกล้องด้านหน้ารถที่อยู่ด้านล่าง

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าแบบเมทริก โดยมีแถบไฟ LED 2 เส้นวางอยู่ทั้งด้านบน และด้านล่างตัวกระจัง หน้า เชื่อมต่อไฟหน้าทั้ง 2 ฝั่ง มาพร้อมกันหน้าขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานสีเงิน เพิ่มลุคตัวรถให้ดุหรูหรา โดยฝังไฟตัดหมอกทรงกลมเล็กไว้ที่ตัวกันชน 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

เส้นสายด้านข้างตัวรถมากับเหลี่ยมมุมที่ดูดุดัน ซุ้มล้อสีดำทรงเหลี่ยม สอดรับกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง A/T จาก BFGoodrich ขนาด 265/55 R18

BYD Leopard 5

เติมความดุในสไตล์ออฟโรดด้วยกาบข้างประตูสีดำ และราวหลังคาสีดำ นอกจากนั้ยังเสริมความปลอดภัยด้วยกล้องที่ติดตั้งอยู่หลังซุ้มล้อหน้าทั้ง 2 ฝั่ง 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ส่วนด้านท้ายติดตั้งล้ออะไหล่พร้อมฝาครอบล้อ มาพร้อมกันชนท้ายดีไซน์โหดขนาดใหญ่ มาพร้อมหูเกี่ยวลาก 2 จุด 

BYD Leopard 5

ภายในห้องโดยสารจะรองรับ 5 ที่นั่ง งานออกแบบเน้นความไฮเทคล้ำสมัย แผงแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอถึง 3 จอ โดยจะแบ่งเป็นหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape หน้าจออินโฟนเมนเมนต์ตรงกลาง และหน้าจอฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า นอกจากนั้น BYD Leopard 5 ยังได้รับการติดตั้งจอ AR-HUD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 50 นิ้ว

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่ขนเดใหญ่ ถูกเชื่อมต่อกับคอนโซลหน้าแบบสะพานแขวน โดยด้านล้างจะเป็นช่องเก็บของ มาพร้อมพอร์ต USB 2 พอร์ต และ Type-C 1 พอร์ต และปุ่มควบคุมที่หัวเป็นแก้วคริสตัล 

BYD Leopard 5

ขณะที่ด้านบนจะมาพร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟน 2 จุด คันเกียร์ออกแบบให้ยืดหดได้ อีกทั้งยังมาพร้อมปุ่มควบคุมสั่งการในรถที่ออกแบบให้ดูคล้ายกับปุ่มงานงานบนเครื่องบิน 

BYD Leopard 5

BYD Leopard 5

ในด้านชุดอุปกรณ์ภายในของ BYD Leopard 5 ยังจะได้รับ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ, กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่ง, ตู้เย็นคอมเพรสเซอร์ทำความร้อน และทำความเย็นในรถยนต์, ระบบน้ำหอมอัจฉริยะ เครื่องเสียงจากทาง Devialet พร้อมลำโพง 18 ตำแหน่ง และหลังคาซันรูฟ

รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์ Face ID ที่อยู่เสา A จากฝั่งคนขับ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับ L2 

BYD Leopard 5

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Leopard 5 จะมากับระบบไฮบริดใหม่ที่เรียกว่า DMO (Dual Mode Off-road) มาพร้อมระบบควบคุมตัวถังไฮดรอลิกอัจฉริยะ Cloud-P มีตัวถังแบบไม่รับน้ำหนัก

BYD Leopard 5

โดยขุมพลังจะเป็นการทำงานรวมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าไฟฟ้าคู่ มอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 268 แรงม้า และมอเตอร์หลังให้กำลัง 385 แรงม้า มาพร้อมตัวล็อกเฟืองท้าย 3 ตัว โดยจะให้กำลังรวมที่มากถึง 680 แรงม้า แรงบิดสูงุสด 760 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนเป้นแบบ 4 ล้อ โดยจะให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาที 

BYD Leopard 5

ในด้านแบตเตอรี่ชาร์จเต็มภายในเวลา 16 นาที ด้วยเทคโนโลยี CTC พร้อมวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าเพียว ๆ ได้ระยะทางไกล 125 กม. ตามมาตรฐาน CLTC นอกจากนั้นทาง Leopard ยังเคลมว่า ถ้าน้ำมันเต็มถัง แบตเตอรี่ชาร์จเต็มจะวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 1,200 กม. ตามมาตรฐาน CLTC

BYD Leopard 5

สำหรับ Leopard 5 จะได้รับการโชว์ตัวอีกครั้งที่ในงาน Chengdu Auto Show ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งรายละเอียดโดยรวมทั้งหมดจะถูกเปิดเผยอีกครั้งในวันนั้น

BYD Leopard 5

ส่วนราคาจำหน่ายของ BYD Leopard 5 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 หยวน หรือราว 1.9 ล้านบาท ในประเทศจีน โดยจะถูกทำตลาดทั้งในเมืองจีน และต่างประเทศ