หลังจากที่ทาง BYD ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ในประเทศจีน ได้เปิดตัว BYD Seagull รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กใหม่ที่มาในรูปแบบแฮทช์แบค 5 ประตู เมื่อกลางปี 2023 ที่ผ่านมา โดยเป็นหนึ่งในรถที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาในตลาดประเทศจีน โดยยอดขายสะสมนับตั้งแต่เปิดตัวออกมากว่า 500,000 คัน ในระยะเวลา 16 เดือน ซึ่งแบ่งเป็นในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 BYD Seagull นั้นขายไปแล้วถึง 191,037 คัน
ล่าสุดเพื่อตอกย้ำความสำเร็ยทางบีวายดีในเมืองจีนได้เปิดตัว BYD Seagull โฉมโมเดลปี 2025 โดยจะมีการเพิ่มออปชันเล็กน้อย ละปรับราคาจำหน่ายลง ซึ่งจะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Vitality Edition, Freedom Edition และ Flying Edition มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ขนาดความจุ 30.08 kWh และ 38.88 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกล 305 กม. และ 405 กม. (CLTC) ตามลำดับ เปิดราคาจำหน่ายไว้ระวห่าง 69,800 – 85,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.44 – 4.22 แสนบาท
ในด้านงานออกแบบนั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่ผ่านมางานดีไซน์ตัวรถจะถูกออกแบบเพื่อเอาใจวัยรุ่น เจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวชาวจีน ด้วยรูปลักษณ์ที่เล็ก และทันสมัยใช้งานคล่องตัว
โดยงานออกแบบได้ถอดแบบรูปลักษณ์หน้าตามาจากรุ่นพี่ในค่ายเดียวกันอย่าง BYD Dolphin ตัวรถจะเป็นแบบ 5 ประตู 4ที่นั่ง
ด้านหน้าจะออกแบบไม่มีกระจังหน้า มีเพียงโลโก้ตรา BYD ติดไว้ที่ส่วนหน้า ด้านล่างจะเป็นช่องรับลมขนาดใหญ่ มาพร้อมกับชุดไฟหน้าดีไซน์ที่ดูเฉียบคม มาพร้อมกระจกบังลมหน้าที่มีขนาดใหญ่เพื่อสร้างวิสัยทัศน์มองให้กว้างขึ้น
ด้านข้างในส่วนซุ้มล้อถูกตีโป่งให้มีสันเหลี่ยมคมพร้อมเสริมด้วยขอบซุ้มล้อสีดำ ในส่วนล้อจะมีทั้งแบบล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบ และล้ออัลลอย โดยจะมีทั้งขนาด 15 – 16 นิ้ว
ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์หลังคา พร้อมตกแต่งที่เสา C ด้านท้ายด้วยแถบสีดำ ขณะที่ชุดไฟท้ายมาแบบพาดเต็มยาวพื้นที่ด้านหลัง
โดยสิ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมจะอยู่ที่โลโก้ “BUILD YOUR DREAMS” ที่อยู่ด้านหลัง จะเปลี่ยนเป็นตัวอักษร คำว่า “BYD” เท่านั้น
ในด้านมิติตตัวรถก็ยังคงเดิมกับความยาว 3,780 มม. ความกว้าง 1,715 มม. ความสูง 1,540 มม. และระยะฐานล้อ 2,500 มม.
ภายในห้องโดยสารแผงหน้าปัดแสดงข้อมูลการขับขี่ที่มีขนาด 7 นิ้ว วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบท้ายตัดทรง D-Shape มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบหมุนได้ขนาด 10.1 นิ้ว มาพร้อมแพลตฟอร์ม BYD DiLink
โดยในรุ่น Freedom Edition และ Flying Edition มาพร้อมกับแผงชาร์จไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ และรองรับระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งด้านหน้า รวมถึงเบาะนั่งฝั่งผู้ขับจะปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
ด้านชุดอุปกรณ์อื่น ๆ ในทุกรุ่นย่อยจะได้รับ การอัปเดต OTA, ระบบเครื่องเสียงสาพร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง, บลูทูธ, ระบบการโต้ตอบด้วยเสียง, WiFi ในรถยนต์ มาพร้อมระบบเครือข่าย 4G และระบบ Keyless Entry.ที่เข้ารถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
BYD Seagull MY2025 จะมีเฉดสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Arctic Blue, สีขาว Warm Sun White, สีดำ Polar Night Black และสีชมพู Peach Pink ด้านเฉดสีภายในจะมีให้เลือก 2 โทนสี สีน้ำเงิน Deep Ocean Blue และสีชมพู Dune Pink
BYD Seagull โฉมปี 2025 ยังคงถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม BYD e-Platform 3.0 ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนยังคงมากับมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรที่ให้กำลังสูงสุด 55 kW (74 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งเร่งจาก 0 – 50 กม./ชม.ในเวลา 4.9 วินาที
จับคู่กับแบตเตอรี่ BYD Blade โดยในรุ่น Vitality และ Freedom Edition จะมีขนาดความจุ 30.08 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 305 กม. (CLTC) ขณะที่ในรุ่น Flying Edition จะมามาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 38.88 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งให้ระยะทางการวิ่งไกล 405 กม. (CLTC) พร้อมรองรับการชารืจไฟแบบ DC ที่จะให้กำลังไฟจาก 30% ถึง 80% ในเวลา 30 นาที
สำหรับราคาจำหน่านของ BYD Seagull MY2025 ในตลาดเมืองจีนจะมีดังนี้
- รุ่น Vitality Edition 305 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 30.08 kWh) ราคาจำหน่าย 69,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.44 แสนบาท
- Freedom Edition 305 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 30.08 kWh) ราคาจำหน่าย 75,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.73 แสนบาท
- รุ่น Flying Edition 405 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 38.88 kWh) ราคาจำหน่าย 85,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 4.22 แสนบาท