BYD แบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่เบอร์ต้น ๆ จากประเทศจีน ได้เปิดตัวพร้อมเผยรายละเอียดของ BYD TANG เอสยูวีไฟฟ้า เวอร์ชันปี 2023 ที่มาพร้อมกับการอัพเกรดมากมาย รวมทั้งยังปรับราคาจำหน่ายลงจากรุ่นปี 2022 เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าได้ง่ายมากขึ้น
โดย TANG เอสยูวีไฟฟ้าในตลาดเมืองจีน เวอร์ชันปี 2023 จะมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 600 กม. / 730 กม. และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทีวิ่งได้ระยะทาง 635 กม.
ในด้านงานออกแบบเป็นรถยนต์สไตล์ Crossover SUV ขนาด D-Segment แบบ 6 -7 ที่นั่ง โดยชื่อ TANG นั่นได้มาจากชื่อราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็นหนึ่งในรถซี่รีย์ราชวงศ์จีน ทั้ง Qin (ราชวงศ์ฉิน), Song (ราชวงศ์ซ่ง) และ Yuan (ราชวงศ์หยวน)
ด้านดีไซน์ภายนอกด้านหน้าแบบ Dragon Face หรือหน้ามังกร มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบปิดทึบพร้อมด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED ที่มีการเล่นเส้นสายให้รับการชุดกระจังหน้าได้อย่างลงตัว
ด้านท้ายติดตั้งชุดไฟท้าย LED แบบพาดยาวตามแบบฉบับรถสมัยใหม่ รวมถึงเหมือนกับรถยนต์บีวายดีอีกหลาย ๆ รุ่น มาพร้อมสปอยเลอร์ท้ายพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3
นอกจากนั้นในเวอร์ชั่นปี 2023 นี้ มาพร้อมกับการอัพเกรดมากมาย เช่นปรับเปลี่นล้อใหม้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 20 นิ้ว พร้อมกับได้รับการติดตั้งระบบควบคุมการทำงานของตัวรถ (Disus-C intelligent damping body control) รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ได้ในทุกทุกย่อย
ในด้านขนาดมิติตัวรถยังคงเหมือนเดิมด้วยความยาว 4,900 มม., กว้าง 1,950 มม., สูง 1,725 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,820 มม. มาพร้อมรัศมีวงเลี้ยว 5.9 เมตร ขณะที่น้ำหนักตัวรถจะขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย โดยมีตัวเลข 2.36 ตัน / 2.44 ตัน และ 2.56 ตัน ตามลำดับ
ภายในห้องโดยสารยังคง เน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นหลัก ตกแต่งโทนให้บรรยากาศดูโปร่ง โล่งสบาย ตัวเบาะนั่งแบบ 3 แถว มีให้เลือกทั้งแบบ 6 – 7 ที่นั่ง เบาะแถว 2 จะมาเป็นแบบ Caption Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมที่พักแขนด้านหน้า
แผงแดชบอรฺ์ดมาพร้อมกับแผงหน้าปัด Full LCD ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว แบบหมุนจอได้ รองการการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto รวมทั้งรองรับระบบ 5G Speed Link นอกจากนี้ยังมากับหน้าจอ HUD ที่สะทแอนข้อมูลการขับขี่ไปยังกระจกบังลมหน้า, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
เบาะนั่งหนังกลับคุณภาพสูงไมโครไฟเบอร์, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบหน่วยความจำที่นั่งคนขับ พร้อมระบบอุ่นเบาะทั้งฝั่งผู้โดยสาร และผู้ขับขี่
คอนโซลกลางออกแบบให้มีที่เท้าแขนตรงกลางแถวที่ 2, แท่นชาร์จสมาร์จโฟน ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซนควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระสำหรับแถวที่ 2 ระบบเครื่แองเสียงของ Dynaudio มาพร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาป้องกันการหนีบด้วยไฟฟ้า และกุญแจรถ NFC
ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ DiPilot โดยจะได้รับการติดตั้ง ระบบภาพโฮโลแกรม 3 มิติ, เรดาร์อัลตราโซนิก 8 ตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรความแม่นยำสูง 5 ตำแหน่ง, กล้องมองรอบทิศทางอัจฉริยะ 4 ตัว และกล้องรับรู้การขับขี่อัจฉริยะ 1 ตำแหน่ง
มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่อาทิ ระบบช่วยเหลือการขับขี่บนทางหลวง, ระบบเตือนช่องจราจรข้างหน้า ,ระบบช่วยรักษาช่องทางฉุกเฉิน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ, ระบบเตือนการออกนอกเลน, ระบบจดจำป้ายจราจรอัจฉริยะ, ระบบช่วยเตือนการออกนอกเลน, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ และกล้อง 360 เป็นต้น
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ BYD TANG EV เวอร์ชัน 2023 จะมีดังนี้
- รุ่น 600 กม. มาพร้อมกับมอเตอร์หน้าที่มีกำลังสูงสุด 225 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร
- รุ่น 730 กม. มาพร้อมกับมอเตอร์หน้าที่มีกำลังสูงสุด 241 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร
- รุ่น 635 กม. มาพร้อมมอเตอร์คู่ที่มีกำลังรวมกันถึง 510 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ ภายใน 4.4 วินาที
โดยทั้งสามรุ่นย่อยจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ Blade LFP ที่ผลิตโดย BYD รองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่ชาร์จไฟจาก 30% – 80% ในเวลา 30 นาที รวมถึงชาร์จไฟ 10 นาทีจะวื่งได้ระยะทาง 173 กม. นอกจากนั้นยังมากับชุดจ่ายไฟไปยังสำหรับชุดอุปกรณ์ภายนอก
สำหรับราคาจำหน่ายของ BYD TANG EV เวอร์ชัน 2023 ในประเทศจีนจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ ในรุ่น 600 กม. จะมีราคา 249,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 1.22 ล้านบาท, รุ่น 730 กม. จะมีราคาจำหน่ายที่ 269,800 หยวน หรือราว 1.3 ล้านบาท และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ระยะทาง 635 กม. เปิดราคาจำหน่ายอยู่ที่ 299,800 หยวน หรือติดเป็นเงิรนไทยอยู่ที่ประมาณ 1.46 ล้านบาท
โดยคาดว่า BYD TANG EV น่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกรุ่นที่มีลุ้นเข้ามาทำตลาดในไทยต่อจาก BYD ATTO 3, BYD Dolphin และ BYD SEAL ซีดานไฟฟ้าดีไซน์หรู ที่กำลังจะเปิดในบ้านเราวันที่ 28 ก.ย. นี้
