Chery Australian เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดแดนจิงโจ้ ด้วยรุ่น Chery Tiggo 7 Pro ซึ่งถือว่าเป็นรถรุ่นแรกของทางแบรนด์ Chery ที่เข้ามาทำตลาดในออสเตรเลีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยส่ง Omoda 5 ที่เป็นหนึ่งซับแบรนด์ของทาง Chery ลงตลาดมาแล้ว
สำหรับ Chery Tiggo 7 Pro ที่เปิดวางจำหน่ายในออสเตรเลียจะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยได้แก่ Tiggo 7 Pro Urban, Tiggo 7 Pro Elite และTiggo 7 Pro Ultimate AWD เปิดราคาจำหน่ายระหว่าง 39,990 – 45,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 9.29 แสน – 1.06 ล้านบาท
ในด้านงานรูปลักษณ์หน้าตาของ Chery Tiggo 7 Pro กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม ที่ด้านในออกแบบให้เป็นลายเมทริกซ์ทรงเรขาคณิตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน ตรงกลางติดตราโลโก้สัญลักษณ์ของทาง Chery อีกทั้งยังล้อมกรอบตัวกระจังด้วยแถบโครเมียมที่เพิ่มความหรูหราให้มากยิ่งขึ้ยน ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดไฟหน้า LED แบบแนวนอนยาว มาพร้อมชุดไฟตัดหมอกที่เป็นเส้นไฟ LED วางอยู่ในกรอบโคนเมียมรูปตัว L ด้านล่าง
ส่วนด้านข้างตัวที่ซุ้มล้อตกแต่งด้วยแถบสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 – 19 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย) ตัวรถจะเป็นสีทูโทน โดยตั้งแต่เสา A ไปจนถึงเสา C และหลังคาจะมาในเฉดสีดำ
ด้านท้ายติดตั้งชุดไฟท้าย LED รูปตัว C ที่วางต่อเชื่อมกันเต็มพื้นที่ส่วนท้าย เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคา และเสาอากศแบบครีบฉลาม
ในด้านมิติขนาดตัวรถ จะมีความยาว 4,513 มม. กว้าง 1,862 มม. สูง 1,696 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,670 มม.
ภายในห้องโดยสารจะรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง ความโดดเด่นภายในจะอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ที่รวมเอาหน้าจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจออินโฟรเทนเมนต์ขนาด 12.3 นิ้ว เข้าไว้เป็นจอเดียวกัน มาพร้อมระบบเครื่องเสียงของทาง Sony พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และในทุกรุ่นย่อยจะได้รับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย
สำหรับพื้นที่เก็บของสัมภาระด้านท้ายจะมีขนาดความจุอยู่ที่ 626 ลิตรแต่เมื่อพับเบาะหลังลงจะเพิ่มเนื้อที่ได้มากถึง 1,672 ลิตร
สำหรับชุดอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นย่อยนั้นจะได้รับแตกต่างกันไป โดยในรุ่น Urban จะมากับ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, ถุงลมนิรภัย 8 ใบ, ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่, เบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับอุณหภูมิได้, หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา, ชุดไฟ Ambient light พร้อมรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android แบบไร้สาย
ส่วนในรุ่น Tiggo 7 Pro Elite จะได้รับเพิ่มเติมในส่วนกล้อง 360 องศา, กระจกพับอัตโนมัติ, ประตูท้ายปรับไฟฟ้า, หลังคาสีดำเสริม, ระบบจัดการคุณภาพอากาศ, เครื่องฟอกอากาศไอออนลบ และช่องเก็บของที่ด้านหลัง
ขณะที่ในรุ่นท๊อป Tiggo 7 Pro Ultimate AWD จะได้รับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว มาโหมดขับเคลื่อน 6 โหมด, คาลิเปอร์เบรกหน้าสีแดง, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, เบาะนั่งคู่หน้าแบบมีช่องระบายอากาศ และหน่วยความจำเบาะนั่งคนขับ
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนทุกรุ่นย่อยจะมากับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 1.6 ลิตร ที่ให้กำลัง 183 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที มาพร้อมแรงบิด 275 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด โดยในรุ่น Urban และ Elite จะขับเคลื่อนแบบล้อหน้า ขณะที่ในเรือธง Ultimate AWD จะขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ
สำหรับราคาจำหน่าย Tiggo 7 Pro ในตลาดออสเตรเลียรุ่น Urban จะมีราคาอยู่ที่ 39,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 9.29 แสนบาท ส่วนรุ่น Tiggo 7 Pro Elite จะมีราคาอยู่ที่ 41,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 9.76 แสนบาท และรุ่น Tiggo 7 Pro Ultimate AWD ที่เป็นรุ่นเรือธงจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 41,990 หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.06 ล้านบาท
น่าเสียดายที่ทาง Chery ไม่ได้นำรถรุ่นนี้ และแบรนด์ Chery เข้ามาจำหน่ายในไทย โดยทางผู้ผลิตรถจากจีนจะนำซับแบรนด์อย่าง OMODA และ JAECOO เข้ามาจำหน่ายในไทย ซึ่งจะนำทัพมาโดย OMODA 5 EV โดยจะเปิดตัวในไทยช่วงเดือน ก.พ. ปีหน้านี้