หลังจากที่ทาง Citroën ได้เปิดวางจำหน่าย My Ami Buggy EV รถยนต์ไฟฟ้าสายลุยแบบ 4 ล้อ รุ่นพิเศษทรงกระทักรัด ในตลาดบ้านเกิดที่ฝรั่งเศส เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา พร้อมกับใช้เวลาจำหน่ายเพียง 18 นาที สำหรับรถ 50 คันที่ถูกเปิดตัวออกมา
ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟน ๆ ที่พลาดโอกาส จับจองรถยนต์ไฟฟ้าสายลุยขนาดเล็ก ทางบริษัทจึงได้ประกาศเตรียมสร้าง My Ami Buggy EV เพิ่มอีก 1,000 คัน โดยจะเริ่มให้จับจองกัะนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า และจะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงฤดูร้อนปีหน้า
สำหรับ My Ami Buggy ที่ทาง Citroën เตรียมที่จะเปิดในจับจองกันอีก 1,000 คัน ในปี 2023 นี้ ทางผู้ผลิตยังไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับตัวรถ เพียงแต่บอกว่ามันจะคล้ายกับล๊อต 50 คันแรก
โดยตัวรถยังคงมาในรูปแบบรถ Buggy ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์ในแบบฉบับที่น่ารักสุดคิ้วท์ แต่อาจจะมีการปรับเพิ่มลูกเล่นเล็กน้อยเพื่อให้แตกต่างจาก 50 คันแรก
ขณะที่ในด้านตัวถังของล๊อตที่ 2 นี้นั้นจากภาพที่เป็นการ์ดของขวัญวันคริสต์มาสนั้น ตัวรถยังคงมาในตัวถังสีเขียวคล้ายกับสีเสื้อผ้าของชุดทหาร มาพร้อมหล้งคาสีเทาเข้ม พร้อมตกแต่งด้วยแต้มด้วยสีเหลืองตามจุดต่าง ๆ ของตัวรถ
โดยชุดบอดี้ตัวถังผลิตจากตัวถังพลาสติกคุณภาพสูง และสิ่งที่โดดเด่นจะเป็นการถอดประตูข้างออกพร้อมแทนที่ด้วยท่อเหล็กที่สามารถปิด-เปิดได้แบบประตูทั่วไป และหลังคาเป็นแบบหลังคาผ้าใบกันน้ำและกัน UV ที่สามารถเปิดออกและถอดได้
พร้อมกับตกแต่งให้เหมือนรถสายลุยแบบครอสโอเวอร์สายลุย ด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน มาพร้อมล้อกระทะเหล็กสีทองขนาด 14 นิ้ว รัดด้วยยางเรเดียล มาพร้อมไฟส่องสว่างที่ดีไซน์ให้เป็นดวงกลม
ภายในห้องโดยสารมาในโทนสีดำ พร้อมตกแต่งด้วยสีเหลืองตามส่วนต่าง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณช่องเก็บของ ตะขอเกี่ยวกระเป๋า และสายรัดเปิดประตู
ในด้านขุมพลังของ Citroën My Ami Buggy EV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6 kW หรือประมาณ 8 แรงม้า อาจจะเห็นตัวเลขน้อย แต่ด้วยการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า ทำให้แรงบิดสูง และเพียงพอโดยสามารถทำความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5.5 kWh โดยการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถวิ่งได้ 70 กิโลเมตร
สำหรับ Citroën My Ami Buggy EV ล๊อตที่ 2 1,000 คัน จะเริ่มให้สั่งจองได้ตั้งแต่ในช่วงฤดูใบไม้ ผลิปีหน้า และจะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 นี้
ขณะที่สนนราคาค่าตัวนั้นคาดว่าคงไม่แตกต่างจาก 50 คันแรกที่ขายไป โดยจะมีราคาเริ่มอยู่ที่ 9,790 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 3.6 แสนบาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)