หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาทาง Dongfeng ได้แย้มว่าเตรียมที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของทางค่าย ที่เป็นรถในรูปแบบซีดานที่มากับชื่อรุ่นที่ไม่คุ้นหู คุ้นตาว่า eπ ล่าสุดทางผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่เบอร์ต้น ๆ จากประเทศจีนได้เปิดรับจอง Dongfeng eπ 007 แล้ว โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 159,000 หยวน หรือประมาณ 8 แสนบาท โดยจะมีให้เลือกทั้งขุมพลังแบบไฟฟ้า 100% และขุมพลัง Plug-in hybrid ในรูปแบบ EREV โดยทั้ง 2 รุ่นพร้อมส่งมอบภายในไตรมาสแรกของปี 2024 นี้
ในด้านออกแบบดีไซน์จะมาในรูปแบบตัวถังซีดาน 4 ประตู ชุดไฟแบบ Full LED ทั้งระบบ ไฟหน้าแบบแยกส่วน โดยชุดไฟหน้า และไฟท้าย จะประกอบด้วยหลอดไฟ LED 334 ดวง ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Light Show
ขณะที่เส้นสายด้านข้างดูราบเรียบ มือเปิดประตูแบบซ่อน มาพร้อมประตูแบบไร้กรอบ โดยในส่วนประตูคู่หน้าจะถูกเปิดแบบปีกนก
ขณะที่ล้ออัลลอยดีไซน์แบบสปอร์ตลาย 5 ก้านสีทูโทน ขนาด 18 – 19 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย) มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ขณะที่ในส่วนหลังคาจะเป็นกระจกซันรูฟแบบพาโนรามาขนาด 1.824 ตารางเมตร
ดีไซน์ด้านท้ายมาในแบบ Fastback ลาดเท เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์ท้ายในตัวสามารถปรับพับด้วยไฟฟ้า ชุดไฟท้าย LED ตามแบบสมัยนิยมที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ ด้วยงานดีไซน์ที่เน้นเรื่องแอร์โรไดนามิค ส่งผลทำให้ eπ 007 มีค่าสัมประสิทธิ์การลากอยู่ที่ 0.209Cd เทานั้น
ในด้านมิติขนาดตัวรถจะมีความยาวอยู่ที่ 4,880 มม. ความกว้าง 1,895 มม. ความสูง 1,460 มม. และระยะฐานล้อ 2,915 มม.
ภายในห้องโดยสารจะมาในรูปแบบมินิมอล แผงแดชบอร์ดจะติดตั้งแผงหน้าปัดแบบ LCD ขนาด 8.8 นิ้ว ที่สามารถพลิกได้เหมือนกับในตัว McLaren 720S วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 2 ก้าน มาพร้อมหน้าจออิรโฟรเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ที่วางแบบลอบตัว ที่ถูกรอบระบด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155
คอนโซลกลางจะได้รับการติดตั้งเพียงแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนที่มีให้ 2 ตำแหน่ง รองรับการชาร์จถึง 50W เบาะที่นั่งมาพร้อมระบบนวด 8 จุด ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะมากับระบบน้ำหอม, ชุดไฟ Ambient light 64 สี, ชุดเครื่องเสียงาพร้อมลำโพง 20 ตำแหน่ง รวมถึงลำโพงพนักพิงศีรษะด้านคนขับ นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องไว้ที่เสา A เพื่อรองรับระบบจดจำใบหน้าเพื่อล๊อค-ปลดล๊อคตัวรถ
สำหรับระบบความปลอดภัยในทุกรุ่นย่อย จะได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง eπ PILOT ซึ่งรับรู้ผ่านเซ็นเซอร์ 31 ตัว ที่มาพร้อมระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันจนถึงจุดหยุดนิ่งระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง เป็นต้น
ในด้านพละกำลังจะมีให้เลือกทั้งขุมพลังแบบไฟฟ้า 100% และขุมพลัง EREV มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) โดยในรูปแบบ EV จะมี 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น 530 Pro มากับมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่อยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 160 kW หรือ 215 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.8 วินาที ชุดแบตเตอรี่ LFP ความจุ 56.86 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกลสุด 530 กม.
- รุ่น 620 Pro จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหลังให้กำลัง 200 kW หรือ 268 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.8 วินาที ชุดแบตเตอรี่ LFP ความจุ 70.26 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกลสุด 620 กม.
- รุ่น 540 Max จะไกด้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ให้กำลังรวม 400 kW หรือ 536 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.9 วินาที ชุดแบตเตอรี่ LFP ความจุ 70.26 kWh ชาร์ไฟเต็มวิ่งไกลสุด 540 กม.
ขณะที่ในรูปแบบ EREV (รุ่น200 Pro) จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 160 kW หรือ 215 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 7.2 วินาที มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ LFP ความจุ 28.39 kWh วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 200 กม. เมื่อน้ำมันเต็มถังบวกแบตฯ ชาร์จเต็มจะมีระยะทางครอบคลุมถึง 1,200 กม. (CLTC)
นอกจากนี้ทั้งในรุ่น EV และ EREV จะรองรับฟังก์ชัน V2V (Vehicle-to-Vehicle), V2L (Vehicle-to-Load) และ V2G (Vehicle-to-Grid)
สำหรับ Dongfeng ได้เปิดรับจอง eπ 007 แล้วในประเทศจีนโดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 159,000 หยวน หรือประมาณ 8 แสนบาท ส่วนราคาจำหน่ายในแต่ละรุ่นคาดว่าจะเปิดตัวอีกครั้งในไตรมาสแรกของปี 2024 นี้