GWM เปิดตัว All New GWM TANK 300 HEV รถยนต์พรีเมียมเอสยูวี ที่มาพร้อมกับดีไซน์โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายสำหรับผู้รักการผจญภัย มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยในทุกการเดินทางทั้งในเมือง นอกเมือง มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริด มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO
เคาะราคาจำหน่ายเริ่มที่ 1.649 ล้านบาท
สามารถดูรีวิวรายละเอียดโดยรวมทั้งหมดได้ที่
ด้านงานดีไซน์กระจังหน้าแบบ Rectangle ตัดขอบสีดำเงาที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยม รับด้วยช่องระบายอากาศสีดำเงาและโลโก้ TANK
เสริมความเท่ด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง รับดีไซน์หลังแบบออฟโรดด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal และยางอะไหล่ติดประตูท้าย พร้อมด้วยกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว
ชุดไฟหน้า Intelligent LED ที่มากับระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟ Follow Me Home มาพร้อมไฟ DRL และไฟตัดหมอก LED
ส่วนท้ายของตัวรถมีไฟท้ายเป็นแบบ Vertical LED มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอก LED หลังคาซันรูฟแบบเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้าที่มาพร้อมราวหลังคาและเสาอากาศแบบ Shark Fin อีกทั้งยังมีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ พร้อมยาง A/T ขนาด 265/65 R17
ในด้านมิติตัวรถมีความยาว 4,760 มม., กว้าง 1,930 มม., สูง 1,903 มม., ระยะฐานล้อ Wheelbase2,750 มม. และมีระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 224 มม.
ภายในห้องโดยสารมาในสไตล์พรีเมียมออฟโรด มอบความหรูหรา ทันสมัย กว้างขวาง และสะดวกสบาย ด้วยนาฬิกาแบบคลาสสิก ชุดเกียร์แบบ Electronic Shifter ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด สีเดียวกับแผงคอนโซล
เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง NAPPA เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง และมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า, ระบบดันหลังไฟฟ้า,ระบบ Memory Seat, ระบบ Welcome Seat, ระบบระบายอากาศ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมพนักพิงปรับ 2 ระดับ
ซึ่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 ให้พื้นที่เก็บสัมภาระ 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระซ้ายและขวาที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 และ Ionizer ลำโพง Infinity 8 ตำแหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์, ชุดไฟ Ambient light, แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ Universal และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารข้างหน้า-หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ
แผงแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, และ Bluetooth มาพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยไฟฟ้า มาพร้อม Paddle Shift, สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ แผงควบคุมที่คอนโซลกลางพร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่แบบออฟโรด ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับ การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) และการสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ
ด้านพละกำลังจะมากับขุมพลังไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 106 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาด 1.7 kWh ให้กำลังรวมถึง 304 แรงม้า แรงบิด 616 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ DCT 9 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 7 รูปแบบ
All New GWM TANK 300 HEV ยังอัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด อาทิ ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง, ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road, ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบช่วยเหลือกการขับขี่จะได้รับ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ, ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ, ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ, กล้อง 360 องศา, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก, ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน เป็นต้น
All New GWM TANK 300 HEV จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม, สีดำ, สีเทา และสีขาว และเฉดสีรถภายในทั้งหมดสีเดียว ได้แก่ สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น ULTRA และรุ่น PRO)
สำหรับราคาจำหน่ายของ All New GWM TANK 300 HEV
- รุ่น ULTRA ราคา 1.799 ล้านบาท
- รุ่น PRO ราคา 1.649 ล้านบาท