in , ,

HAVAL H6 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปรับโฉมใหม่หมด เผยโฉมแรกก่อนเปิดตัวปลายเดือน เม.ย. นี้

HAVAL H6 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2024 ถูกเผยโฉมแรกแล้วในประเทศจีน ที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย คาดเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนนี้ที่งาน Beijing Auto Show 2024

HAVAL H6 2024

จากที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่ทาง GWM ได้เ้ผยทีเซอร์ และภาพบางส่วนของ HAVAL H6 เอสยูวีใหม่ที่เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ล่าสุดทางเกรทวอลล์มอเตอร์ แบรนด์ผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของประเทศจีน ก้ได้เปิดภาพแรกของ H6 รถเอสยูวีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2024 ออกมาแบบให้เห็นกันแบบเต็ม ๆ ทั้งด้านหน้่ และด้านหลัง ก่อนที่จะได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งที่ภายในงาน Beijing Auto Show ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ 

HAVAL H6 2024

ซึ่งจากภาพแรกที่ถูกเปิดเผยออกมานี้ จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด แต่จากจากรุ่นเดิม ที่มีวางขายในบ้านเราอยู่ขณะนี้

HAVAL H6 2024

HAVAL H6 2024

เริ่มจากด้านหน้าจะมากับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบเมทิกซ์รูปทรงตัว U ขนาดใหญ่ ที่ดีไซน์ลวยลายด้านในเป็นตารางสี่เหลี่ยมวางเรียงซ้อนเป็นแถว 7 ชั้น พร้อมติดตราแบรนด์ HAVAL ที่เป็นฟอนต์แบบใหม่ แตกต่างจากรุ่นเดิม มาพร้อมกล้องด้านหน้าที่คาดว่าตัวรถจะได้รับกล้อง 360 องศา

HAVAL H6 2024

HAVAL H6 2024

ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดไฟหน้า LED ที่มาในรูปทรงใหม่ที่คล้ายกับเลข “7” โดยทางผู้ผลิตเผยว่าจะประกอบด้วยหลอดไฟ LED ถึง 54 ดวง มาพร้อมความสว่างที่ปรับเป็นไฟสูงส่องได้ไกลถึง 110 -190 เมตร 

HAVAL H6 2024

ส่วนตัวกันชนหน้าก็ปรับดีไซน์ใหม่ โดยถอดชุดไฟตัดหมอกที่อยู่ด้านปลายตัวกันทั้ง 2 ฝั่งออก รวมถึงในส่วนช่องรับลมด้านหน้าก็ปรับให้มีขนาดที่เล็ก และดูเพียวลง 

HAVAL H6 2024

HAVAL H6 2024

ในส่วนด้านข้างตัวรถนั้นจะเป็นในส่วนที่มีความแตกต่างจากรุ่นปัจจุบันเพียงเล็กน้อย โดยจะปรับเปลี่ยนเพียงลวดลายชุดล้ออัลลอยเท่านั้น ส่วนขนาดของวงล้อยังคงมีให้เลือกทั้งขนาด 18 และ19 นิ้ว 

HAVAL H6 2024

HAVAL H6 2024

ขณะที่ด้านท้ายของตัวรถนั้นจะเป็นอีกจุดที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดจากชุดไฟท้ายที่เป็นแบบพาดยาวเต็มพื้นที่ส่วนหลัง ก็ปรับใหม่เป็นชุดไฟ LED แบบแยกส่วน โดยติดตรา HAVAL ขนาดใหญ่ คั้นไว้ตรงกลาง รวมถึงในส่วนของไฟทับทิมที่ของเดิมจะมาในทรงแนวตั้ง วางอยู่ใกล้กับชุดไฟท้าย ก็ปรับตำแหน่งใหม่ให้ลงมาอยู่ใกล้กับตัวกันชนหน้าในลักษณะแนวนอน 

HAVAL H6 2024

อีกทั้งชุดไฟเบรกดวงที่สามที่อยู่บนสปอยเลอร์หลังคาก็ดีไซน์ใหม่ ให้เป็นแถบเส้นไฟ LED ที่ยาวเกือแยเต้มความกว้างของตัวสปอยเลอร์ ด้านบนหลังคานั้นยังคงเดิมด้วยเสาอากาศแบบครีบฉลามที่เป้นสีเดียวกับตังรถ มาพร้อมราวแล็คหลังคาสีดำ และหลังคาหลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่

HAVAL H6 2024

HAVAL H6 2024

HAVAL H6 2024

ในด้านขนาดมิติตัวรถของ HAVAL H6 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ใหม่นี้จะมีความยาวอยู่ที่ 4,703 มม. (จะยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม 50 มม.) ความกว้าง 1,886 มม. ความสูง 1,730 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,738 มม. 

GWM Haval H6

GWM Haval H6

GWM Haval H6

GWM Haval H6

สำหรับภายในห้องโดยสารของ H6 ใหม่ จะมากับรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด โดยจะเน้นในโทนสีขาวนวลเป็นสีหลัก แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้านหุ้มด้วยหนังตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมสีเงิน มาพร้อมแผงหน้าปัด LCD และหน้าจอควบคุมส่วนกลางที่ถูกวางแบลอยตัว

GWM Haval H6

สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจนจะเป็นในส่วนของปุ่มควบคุมต่าง ๆ จะถูกถอกไปหมด โดยการสั่งงานจะถูกสั่งการด้วยเสียง

GWM Haval H6

GWM Haval H6

ด้านคอนโซลกลางก็จะถูกดีไซนใหม่ให้ถูกเชื่อมต่อกับคอนโซลหน้า โดยมาในแบบสะพาน ด้านล่างจะเแ้นช่องวางสำหรับวางของ ส่วนด้านบนจะมีเพียงที่ชาร์จสมาร์ตโฟนที่ให้กำลังชาร์จไฟ 50W, ที่วางแก้ว 2 ช่อง และช่องเก็บของ ขณะที่ชุดเกียร์จะถูกปรับเปลี่ยนเป้นแบบคันโยกที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัย

GWM Haval H6

GWM Haval H6

เบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยวัสดุหนังแบบเจาะรู ปรับพับด้วยไฟฟ้า เบาะคู่หลังพับแยกแบบ 60:40 มาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง

GWM Haval H6

HAVAL H6 2024

ในเรื่องของพละกำลังขับเคลื่อนแต่คาดว่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับ H6 รุ่นเดิม แต่อาจจะมีการปรับจูน กำลังให้แรงขึ้น โดยขุมพลังเวอร์ชั่นในจีนจะมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 130kW หรือประมาณ 174 แรงม้า และรุ่น 2.0T ที่จะให้กำลัง 170kW หรือราว ๆ  228 แรงม้า โดยทั้งคู่จะถูกส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด รวมทถึงขุมพลังไฮบริด และ PHEV ก็คาดว่ายังคงทำตลาด โดยเฉพาะในตลาดนอกประเทศจีน

HAVAL H6 2024

โดย HAVAL H6 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ นั้นคาดว่าจะได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ภายในงาน Beijing Auto Show 2024 ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไรออกมา ทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อนๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง