หลังจากที่ทาง HiPhi แบรนด์รถยนต์ในประเทศจีน ได้เปิดตัว HiPhi Y รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในรูปแบบเอสยูวี ที่งานใน Shanghai Auto Show เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโมเดลที่ 3 ของทางแบรนด์ที่ต่อมาจาก HiPhi X ที่เป็นครอสโอเวอร์ไฟฟ้า และ HiPhi Z รถสปอร์ตไฟฟ้าทรงหรู
ล่าสุดทาง HiPhi ได้ประกาศราคาจำหน่ายของเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลาง ของทางค่ายรุ่นนี้ออกมาแล้วในตลาดเมืองจีน โดยมีราคาระหว่าง 339,000 -449,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.5 – 2.1 ล้านบาท
ในด้านงานออกแบบของ HiPhi Y EV จะเน้นความทันสมัย กระจังหน้าแบบปิดทึบ มาพร้อมชุดไฟหน้า LED ทั้งระบบ โดยไฟ DRL จะพาดอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า ส่วนชุดไฟส่องสว่างจะแยกออกมาอยู่ด้านล่าง พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมกับแถบไฟ LED ที่วางแบบแนวตั้งขนาบอยู่ด้านปลายของกระจังหน้า
กันชนหน้าสีดำ พร้อมออกแบบให้มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ด้านข้างเน้นเส้นสายที่คมชัด และเฉียบคม ออกแบบเสา A ไปจนถึงเสา C ด้านท้ายด้วยแถบสีดำ เสริมทำให้ตัวรถมีหลังคาแบบลอยตัว เพิ่มความโดดเด่นด้วยล้ออัลอยที่ออกแบบให้ตรงตามหลักอากาศพลศาสตร์โดยมีขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว
ไฟท้ายดีไซน์ให้เต็มความกว้างมาในรูปตัว Y พร้อมติดตั้งสปอยเลอร์หลังคาที่ออกแบบพิเศษ สอดรับกับหลังคาที่ดีไซน์ให้ดุลาดเทนิด ๆ
ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของ HiPhi Y EV จะอยู่ที่ประตูคู่บานหลัง โดยประตูจะออกแบบให้เป็นแบบไร้กรอบ ไม่มีที่มือจับประตู แต่มีชุดปุ่มเปิดที่ติดตั้งอยู่ที่เสา B ซึ่งจะเป็นกลไกสำหรับเปิดประตู โดยตัวหลังคาด้่นหลังจะสามารถยกขึ้นได้แบบปีกนก
สำหรับมิติขนาดตัวรถของ HiPhi Y จะมีความยาว 4,938 มม., กว้าง 1,958 มม., สูง 1,658 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,950 มม.
ในด้านการตกแต่งภายใน HiPhi Y จะรองรับได้ 5 ที่นั่ง และด้วยการมากับแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน จึงช่วยให้มีพื้น Headroom และ Legroom ที่กว้างขวางทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ตัวเบาะนั่งทรงสปอร์ต มาพร้อมโต๊ะพับเสริมที่ติดอยู่กับเบาะคู่หน้า ช่วยให้ผู้ใช้มีพื้นที่ทำงานอเนกประสงค์ นอกจากนี้เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นจะมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากถึง 85 ลิตร ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเมื่อพับเบาะลงจะมีความจุถึง 1,848 ลิตร
ขณะที่แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งหน้าจอถึง 3 จอ โดยจะมากับแผงหน้าปัด LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ขณะที่หน้าจอควบคุมกลาง OLED จะมีขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมหน้าจอสำหรับฝั่งผู้โดยสารที่มีขนาด 15 นิ้ว พร้อมกับติดตั้งระบบ Qualcomm 8155 รองรับคำสั่งด้วย “HiPhi GO”
พร้อมกันนี้ยังได้รับการติดตั้งหน้าจอ HUD ที่มีความละเอียดสูงโดยจะสะท้อนข้อมูลไปยังกระจกบังลมหน้า โดยมีขนาดใหญ่ถึง 22.9 นิ้ว และยังมากับกระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่งขนาด 9.2 นิ้ว
นอกจากนี้ ที่เท้าแขนตรงกลางยังมีตู้เย็นอุ่นและเย็นขนาด 6.4 ลิตร ที่สามารถรักษาอุณหภูมิระหว่าง -6°C ถึง 50°C อีกทั้งยังรองรับการควบคุมระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมากับพอร์ตชาร์จ 60W ห้าพอร์ต ที่ชาร์จไร้สาย 50W และ Wi-Fi ในตัว ขณะที่ชุดเครื่องเสียงมาพร้อมลำโพง 25 ตัว ที่มีกำลังรวม 2820W
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Lidar ที่ติดตั้งไว้บนหลังคา ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทำงานผสานกับระบบ Nvidia Orin-X ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ 31 ตัว, กล้อง 13 ตัว ที่อยู้บริเวณบนบังโคลนหน้า และกระจก บังลมหน้า นอกจากนี้ยังมากับเรดาร์คลื่น 5 มม., เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว, 1 โซนสามโซน เพื่อตรวจจับวัตถุ และสิ่งกีดขวาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัย นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับชุดระบบความปลอดภัย ADAS และถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง อีกทั้งยังมากับประตูไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยปุ่ม และมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่จะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก
ในด้านพละกำลังจะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง RWD และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD โดยในรุ่นเริ่มต้นได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาคู่ล้อหลังให้กำลัง 336 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ LFP Blade ของ FinDream (บริษัทในเครือ BYD) ขนาด 76.6 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกล 560 กม. ตามาตรฐาน CATL
ส่วนในรุ่น Long Range จะได้รับแบตเตอรี่ขนาด 115 kWh จาก CATL ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 810 กม. นอกจากนี้ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมากับมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังรวมอยู่ที่ 505 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 4.7 วินาที ส่วนแบตเตอรี่จะเป็นแบบเดียวกันในรุ่น Long Range แต่จะมีระยะทางวื่งที่น้อยลงเหลือเพียง 765 กม. เท่านั้นตามมาตรฐาน CATL
สำหรับ HiPhi Y จะถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้ออกมาเป็นคู่ต่อกรโดยตรงกับ Nio E6 NT2 โดย HiPhi เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางในจีนอยู่ระหว่าง 339,000 – 449,000 หยวน หรือราว 1.5 – 2.1 ล้านบาท
