ฮอนด้า เผยโฉมจริงของ Honda e:N1 (ฮอนด้า อี:เอ็น 1) รถยนต์ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบรถเอสยูวี โดยฮอนด้า อี:เอ็น 1 คันนี้จะเป็นรถไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย โดยได้ถูกประกอบขึ้นที่ โรงงาน ฮอนด้า สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี
โดย Honda e:N1 นั้นจะไม่มีการวางจำหน่าย แต่สามารถเช่าผ่านบริษัทรถชั้นนำเริ่มต้นที่ 29,000 บาทต่อเดือน อาทิ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน), บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลิสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ไทย วี.พี.คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด , บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด, บริษัท ไพร์ม คาร์เร้นท์ จำกัด, บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด, บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด, บริษัท เวิลด์เบสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท เอแอลดี เอ็มเอชซี โมบิลิตี้ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ช.พัฒนาคาร์เรนท์ จำกัด (โดยรายละเอียดและเงื่อนไขการเช่าเป็นไปตามที่บริษัทรถเช่ากำหนด)
สำหรับ ฮอนด้า อี:เอ็น 1 ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ ตัวรถจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจด้วยแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 kWh ส่งผลให้สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Sport Mode, Normal Mode และ ECON Mode
ในด้านงานออกแบบมากับดีไซน์ที่อันเป็นเอกลักษณ์ ดูพรีเมียม ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรู เชื่อมต่อกับไฟหน้า LED ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ตรงกลางกระจังหน้าติดโลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล มาพร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ และเส้นสาย LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว
ด้านข้างเน้นความเรียบหรู เติมลุครถสายลุยด้วยขอบซุ้มล้อสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว นอกจากนั้นกระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
ด้านท้ายติตดั้งชุดไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke แบบเต็มความยาวที่เชื่อมต่อกับไฟท้ายทั้งสองข้าง เสริมคงามสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง และเสาอากาศครีบฉลาม
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูงออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารผ่อนคลายจากการจัดวางแสงที่นุ่มนวลพร้อมพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบาย ยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า (Blue Ambient Light)
คอนโซลหน้าโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay แบบ ไร้สาย และ Android Auto อีกทั้งยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri มาพร้อมมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว ที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มควบคุม
ด้านชุดอุปกรณ์ภายสในจะได้รับช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (USB-A 1 ช่อง ในช่องหน้า และ USB-C ในช่องหน้า 1 ช่อง และช่องหลัง 2 ช่อง), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมแผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น PM 2.5, ระบบสตาร์ทรถยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย, ระบบเครื่งอเสียงพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง, ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย
ด้านเบาะที่นั่งทรงสปอร์ตหุ้มด้วยหนังสีดำ ตกแต่งด้วยขอบสีขาว และด้ายสีฟ้า พร้อมปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระและการบุนุ่มเพื่อรองรับส่วนที่สัมผัสบ่อย มอบความสบายตลอดการใช้งาน เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่ Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง และแบบ Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จะกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่ครบครัน
สำหรับผู้ที่สนใจ Honda e:N1 สามารถเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำของไทย ในอัตราเริ่มต้น 29,000 บาทต่อเดือน
