มาช้า..ยังดีกว่าไม่มา!! คำนี้น่าจะใช้ได้กับสถานการณ์ BEV จากค่าย Honda ที่ล่าสุด ได้เชิญสื่อคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย ไปสัมผัสกับ Honda e:N1 เอสยูวีไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของ Honda ที่จะประกอบ และทำตลาดในประเทศไทย
ต่อเนื่องจากงาน Japan Mobility Show 2023 ซึ่งเราก็ได้เห็นรถต้นแบบหลากหลายรุ่นของ Honda มาแล้ว และก็เป็นที่ทราบกันดีว่า Honda กำลังจะมุ่งไปสู่พลังงานทางเลือก และระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ ที่จะมาเป็นอนาคตใหม่
โดยรุ่นแรกที่พร้อมจะทำตลาดในบ้านเราก็คือ Honda e:N1 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Honda HR-V EV นั่นเอง ซึ่งวันนี้ทีมงาน Autostation.com ได้ไปลองขับมาแล้ว
สำหรับ Honda e:N1 ได้ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้ากำลัง 204 แรงม้า (PS) แรงบิด 310 นิวตัน-เมตร มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. มี 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ ECON / Normal / Sport
มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 68.8kWh สามารถขับได้ไกล 412 กม./การชาร์ (มาตรฐาน WLTP) หรือ 510 กม./การชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)
- ระบบชาร์จไว DC Charger แบบ CCS ที่ 10-80% ใน 45 นาที
- ระบบชาร์จปกติ AC Charger ที่ 10-80% ใน 6 ชั่วโมง
- ระบบชาร์จไว DC Charger ภายในเวลา 11 นาที สามารถขับได้ไกล 100 กม.
ดีไซน์ภายนอกของ Honda e:N1 จะมาในสไตล์เดียวกับ Honda HR-V แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดตามจุดต่างๆ ให้แตกต่างออกไป ได้แก่
- กระจังหน้าที่ถูกเปลี่ยนเป็นช่องสำหรับชาร์จไฟ
- โลโก้ H-mark สีขาวที่ด้านหน้า
- โลโก้ Honda ที่ด้านหลัง (Logo ใหม่)
- ล้ออัลลอยขนาด 18″ พร้อม Aero Cover Wheel ลดแรงเสียดทานอากาศ
- ชุดแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ พร้อมการ์ดกันกระแทก
มิติตัวถังของ Honda e:N1
- ความยาว : 4,387 มม.
- ความกว้าง : 1,790 มม.
- ความสูง : 1,584 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,607 มม.
โดย Honda e:N1 จัดอยู่ในกลุ่ม B-SUV ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ที่มีคู่แข่งในระดับใกล้เคียงกันอย่าง Peugeot e-2008, Volkswagen ID.4, Toyota bZ4X, BYD ATTO3 และ ORA Good Cat
ภายในของ Honda e:N1 มีการนำเทคโนโลยี HMI มาใช้เป็นครั้งแรก เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง พร้อม Interface ที่ใช้งานงายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางขนาด 15.1 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว
โดยจอกลางขนาด 15.1 นิ้ว ได้แบ่งเมนูไว้ 3 โซน ได้แก่ โซนบน Connect / โซนกลาง Driver Assist / โซนล่าง Air Diffusion System เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และรองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play (ไร้สาย) และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ และการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air
ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ใหม่
สำหรับ Honda e:N1 ได้ติดตั้งระบบ Honda SENSING เวอร์ชั่นใหม่ ที่มีการติดตั้งกล้องที่กระจกหน้า ทำงานร่วมกับโซนาร์ 12 จุดรอบคัน โดยมาพร้อมกับระบบต่างๆ ดังนี้
- ระบบช่วยเบรก (CMBS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
- เทคโนโลยีช่วยขับขี่ขณะรถติด (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยอ่านป้ายสัญญาณจราจร (TRS)
- ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
- ระบบ Parking Pilot ได้ถึง 6 รูปแบบ
- กล้องรอบคัน 360 องศา
สำหรับสมรรถนะการขับขี่ ทริปนี้เรามีโอกาสได้ทดลองขับช่วงสั้นๆ ในสนามทดสอบ โดยภาพรวมต้องบอกว่าคาแร็คเตอร์ของ Honda e:N1 นั้น จะแตกต่างไปจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นอื่นๆ ที่มีโอกาสได้สัมผัสก่อนหน้านี้พอสมควร โดยทาง Honda ระบุว่า ตั้งใจตั้งโปรแกรมให้ e:N1 นั้น ขับได้สมูท นุ่มนวลกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วๆ ไป
โดยลักษณะคันเร่งของ Honda e:N1 นั้น จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับได้สมูท นุ่มนวล ไม่กระโฉกโฮกฮาก และมีความใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปมากกว่า ทำให้ไม่ต้องปรับตัวเยอะ แต่ก็ยังมีแรงบิด 310 นิวตัน-เมตร ให้ใช้ในจังหวะเร่งแซง อัตราเร่ง 0-100 ใน 7.6 วินาที อาจฟังดูไม่ว๊าว แต่ก็เฉียบขาดพอในจังหวะที่ต้องการเค้นพลัง โดยสรุปคือ คล้ายฟิลลิ่งคล้ายรถสันดาป แต่ขึ้นไวกว่า ขับได้สมูทกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วๆ ไป ผู้โดยสารนั่งแล้วไม่เวียนหัวแน่นอน แต่ถ้าคุณต้องการความจี๊ดจ๊าด เหยียบปุ๊บพุ่งทะยานทันที บอกเลยว่า e:N1 ไม่ใช่แบบนั้น
ส่วน Handling และช่วงล่าง ได้ลองสั้นๆ คงบอกอะไรมากไม่ได้ แต่บาลานซ์ และจุดศูนย์ถ่วงของรถทำได้ดีกว่าใน Honda HR-V เพราะมีแบตเตอรี่ถ่วงใต้ท้องเอาไว้ และช่วงล่างที่เซ็ทมาแข็งกว่า พวงมาลัยเป็นแบบไฟฟ้า EPS ปรับน้ำหนัก และความหนืดตามความเร็วถือว่าอยู่ในเกณที่เหมาะสม
แต่ด้วยความที่คันเร่งมันมีความสมูทกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วๆ ไป ทำให้การเร่งออกจากโค้งมีความยึดเกาะที่ดีกว่า ไม่เหยียบแล้วหน้าดื้อ (Understeering) ทำให้ขับได้ไม่เหนื่อย และมีความจี๊ดจ๊าด ขับสนุกมากกว่ารถยนต์สันดาป
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็พอจะยืนยันกันได้ว่า Honda e:N1 นั้น จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน และอาจจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Honda ที่จะประกอบในไทยด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันขายในปี 2023 นี้อย่างแน่นอน ก็ต้องรอติดตามดูกันต่อไปว่า Honda จะพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ และสเปคจะใช่อย่างที่เราได้ไปขับทดสอบมาหรือไม่? หากมีความคืบหน้า ทีมงาน Autostation.com จะรีบนำมาอัปเดตให้ทราบโดยทั่วกัน