สำหรับภายในงาน Motor Expo 2022 ในปีนี้ รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ทั้ง รถยนต์ไฟฟ้า 100%, รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ในรูปแบบ PHEV เสียบปลั๊กชาร์จไฟ ดูจะเป็นประเภทรถที่ได้รับการสนใจมากเป็นพิเศษ ซึ่งบรรดาทุกค่ายรถยนต์ในเมืองไทยเกือยทุกค่ายต่างนำเสนอนวัตกรรรมยานยนต์ของตนออกมาโชว์ตัวกันอย่างคับคั่ง
ซึ่งหนึ่งในนั้นอย่างค่ายรถหรูจากประเทศญี่ปุ่นแบรนด์ Lexus ที่อยู่ในสังกัดของทาง Toyota (โตโยต้า) ก็มียานยนต์พลังทางเลือกใหม่ออกมาจัดแสดงด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ Lexus RX 2023 (เลกซัส อาร์เอกซ์) รุ่นใหม่ ที่มาในแบบโมเดลเชนจ์ โดยในรุ่นนี้นับได้ว่าเป็นเจเนเรชั่นที่ 5 ของตระกูล RX ซึ่งถูกเปิดเตัวครั้งแรกในตลาดต่างประเทศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และล่าสุดได้ถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายแล้วในประเทศไทย โดยได้รับการเปิดตัวที่ในงาน Motor Expo 2022
สำหรับ Lexus RX 2023 ที่นำมาจัดแสดงในงาน Motor Expo ครั้งนี้จะเป็นในรุ่น RX 450h+ ที่มากับขุมพลังแบบ PHEV เสียบปลั๊กชาร์จไฟ ที่วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าเพียว ๆ ได้ระยะทางกว่า 60 กม. มาพร้อมกับพละกำลังเครื่องยนต์ที่ให้แรงม้ามากถึง 304 แรงม้า เปิดราคาจำหน่ายในตลาดเมืองไทยเริ่มต้นที่ 4.64 ล้าน มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รับประกันแบตเตอรี่ Hybrid นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ในด้านรูปลักษณ์ดีไซน์ของ Lexus RX 450h+ พัฒนาภายใต้แนวคิด ALLURING x VERVE ด้านหน้าตัวรถติดตั้งชุดไฟหน้า LED แบบโปรเจกเตอร์ พร้อมไฟ DRL ทรงตัว L ขนาบข้างอยู่กับกระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สีเทาเข้ม แต่ลูกค้าสามารถอัปเกรดเป็นขนาด 21 นิ้วได้
ด้านท้ายไฟท้ายโดดเด่นด้วยชุดไฟท้ายที่ออกแบบให้พาดยาวเต็มพื้นที่ตอนด้านหลัง พร้อมติดชื่อแบรนด์ LEXUS ไว้เหนือชุดไฟท้าย เสริมลุคสปอร์ตด้วยกันชนหลังที่ออกแบบให้มีมุมที่โฉบเฉี่ยวมาพร้อมช่องแบบระบายอากาศ นอกจากนั้นยังมากับดิวฟิวเซอร์สีเงินที่ตัีดกับสีตังรถถอย่างลงตัว
Lexus RX 450h+ ถูกพัฒนาขึ้นบนโครงสร้าง GA-K ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง แข็งแกร่งขึ้น น้ำหนักเบาลง ตัวรถกว้างขึ้น และฐานล้อยาวขึ้น โดยมีมิติขนาดตัวถังความยาว 4,890 มม., ความกว้าง 1,920 มม., ความสูง 1,695 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,850 มม.
ด้านภายในห้องโดยสาร ออกแบบภายใต้แนวคิดแบบ TAZUNA ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการบังคับควบคุม โดยจะสามารถใช้งานทุกอย่างในรถได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดช่องว่างระหว่างมนุษย์ และเทคโนโลยี
แผงแดชบอร์ดจะโดดเด่นด้วยหน้าจออินโฟรเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ที่ตั้งวางแบบลอยตัว เชื่อมจ่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย มาพร้อมมาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่แบบ LCD 9.8 นิ้ว หน้าจอแสดงผล TFT รูปแบบข้อมูลในจอจัดวางให้อ่านง่าย ชัดเจน รวดเร็ว นอกจากนั้นยังมากับหน้าจอ Head up display แบบสี (สำหรับเกรด Premium เท่านั้น) แสดงผลโดยฉายข้อมูลไปยังบริเวณด้านล่างของกระจกหน้ารถ พร้อมเลือกโหมดการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ
มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสามก้าน พร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัสมีเซนเซอร์จับตำแหน่งของนิ้วมือ ซึ่งจะระบุได้ว่าผู้ขับวางนิ้วมืออยู่บนปุ่มใด และแสดงแผนผังของปุ่ม
เบาะคู่หน้ามอบความรู้สึกโปร่งสบายยิ่งขึ้น ด้วยการขยายเสาคู่หน้า และขอบหน้าของหลังคาออก นอกจากนั้น โครงสร้างตัวถัง GA-K ยังช่วยเพิ่มระยะระหว่างเบาะคู่หน้า และคู่หลัง ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังมีพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พื้นที่ต่ำช่วยให้ที่วางขาของทุกที่นั่งมีระยะความลึกที่พอเหมาะ เพลากลางที่พาดผ่านห้องโดยสารตอนหลังได้รับการปรับรูปแบบเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ผู้โดยสารเบาะหลังสามารถเข้า-ออกจากรถได้ง่าย
มาพร้อมแสงสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ที่ทางเลกซัสอาศัยแรงบันดาลใจจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติโดยจะมีทั้งหมด 14 ธีม โดยแสงไฟจะเรืองออกจากบริเวณคอนโซลอย่างนุ่มนวลสบายตา นอกจากนั้น หน้าจอแสดงผลกลางคอนโซลยังสามารถเลือกเปลี่ยนสีได้อีกถึง 50 สี
ขณะพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถจะมีความกว้างขวางมากขึ้น โดยดีไซน์ในส่วนกรอบประตูท้ายรถใหม่ ให้มีความเพรียวบาง และมีขอบล่างที่อยู่ต่ำ ส่งผลทำให้ขนสัมภาระขึ้น และลงจากท้ายรถได้ง่ายดายพร้อมติดตั้งไฟ LED ทั้งหมด 3 ดวงที่ผนังซ้าย-ขวา ของห้องเก็บสัมภาระ และด้านในของฝาท้าย โดยกำหนดตำแหน่งให้พอเหมาะเพื่อให้เห็นชัดเจนและดูสวยงาม ปิดท้ายด้วยการเสริมความโปร่งโล่งด้วยหลังคาพาโนรามิก
ในด้านพละกำลังจะมากับเครื่องยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 185 แรงม้า แรงบิด 228 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่วางอยู่ที่คู่ล้อหน้ากำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร และที่คู่ล้อง กำลัง 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร โดยเมื่อเครื่องยนต์ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้พละกำลังที่มากถึง 304 แรงม้า ขับเคลื่อน AWD E-FOUR
มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 18.1 kWh ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 60 กม. โดยในโหมด EV จะวิ่งได้ความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม. ด้านการชาร์จไฟเมื่อชารืจไฟแบบจ AC ด้วยหัวชาร์จ Type II กำลังไฟ 6.6 kW จะชาร์จไฟเต็มในเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที
ด้านระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่จะมากับระบบ Lexus Safety System Plus อาทิ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ, ระบบการเปิดประตูแบบบ, กลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ E-LATCH, ระบบป้องกันก่อนการชน, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ, ระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน เป็นต้น
สำหรับ Lexus RX 450h+ ที่วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทยจะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย
- รุ่น Luxury AWD ราคาจำหน่าย 4,640,000 บาท
- รุ่น Premium AWD ราคาจำหน่าย 5,090,000 บาท