มาสด้าในญี่ปุ่น ได้อัปเดต Mazda CX-30 เอสยูวีรุ่นเล็กในตลาดบ้านเกิด โดยเพื่มรุ่นตกแต่งพิเศษที่ใช้ชื่อว่า Retro Sports Edition โดยนำในเกรด Touring ที่ตกแต่งเพิ่มเติมให้ตัวรถดูมีความแตกต่างมากขึ้น ซึ่งจะให้ทั้งความสปอร์ต เท่ มาพร้อมกลิ่นอายแบบสไตล์เรโทร รวมเข้าไว้ด้วยกัน โโยจะตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน ขณะที่ภายในมาในแบบสไตล์ย้อนยุคด้วยเบาะหุ้มหนังสีดำ และสีน้ำตาล มีครบทุกไลน์อัพทั้ง Mild Hybrid, PHEV และ EV เคาะราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 2,935,900 – 5,211,800 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู๋ที่ราว ๆ 6.51 แสนบาท – 1.15 ล้านบาท
ในด้านงานออกแบบ จะใช้เกรด Touring เป็นพื้นฐานในการตกแต่งเพิอ่มเตอม โดยจะมากับชุดแต่งสีดำรอบคันโดยเริ่มจากกระจกมองข้าง, ล้อ, กระจังหน้า และส่วนกลางของกระจังหน้า มาพร้อมอัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว
โดยในรุ่น Mazda CX-30 Retro Sports Edition ใหม่นี้จะมีเฉดสีใหม่ให้เลือดเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 3 สี ได้แก่ สีเบจ Zircon Sand Metallic, สีเทา Ceramic Metallic และ สีเทาเข้ม Machine Gray Premium Metallic ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดินเผา
ส่วนห้องโดยสารก็ได้รับการตกแต่งใหม่ให้แตกตางจากรุ่นพื้นฐานโดยจะมีกลิ่นอายของรถในสไตลฺเรโทร โดยจะหุ้มด้วยผ้าคล้ายหนังกลับแบบ Regane สีดำ ตัดด้วยหนังสีน้ำตาล Terracotta ที่บริเวณขอบเบาะ และพนักพิงศรีษะ นอกจากนั้นยังเดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำตาล Terracotta ให้อารมณ์รถย้อนยุค
อีกทั้งยังได้รับการอัปเกรดชุดอุปกรณ์ใหม่ โดยในส่วนหน้าจออินโฟรเทนเมนต์ที่อยู่บนแผงแดชบอร์ดจะขยายใหญ่ขึ้จากรุ่ยพื้นฐานที่มีขนาด 8.8 นิ้ว ปรับไซซ์ใหญ่ขึ้นเป็น 10.25 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto รวมถึงแอพ My Mazda รวมทั้งยังปรับเปปลี่ยยพอร์ทชาร์จไฟจาก USB-A เป็น แบบ Type C
อีกทั้งในส่วนเบาะที่นั่งผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 10 ตำแหน่ง มาพร้อมระบบความจำทั้งตำแหน่งเบาะ และยังได้รับชุดเครื่องเสียงของทาง Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
นอกเหนือไปจากนั้นด้านระบบความปลอดภัยก็ถูกเพิ่มเติมเข้ามา อาทิระบบตรวจจับด้านหน้า ที่สามารถระบุคนเดินถนน, ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่แบบใหม่, ระบบแจ้งเตือนที่เบาะหลัง, ระบบแจ้งเตือนและสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล ซึ่งช่วยให้สามารถสตาร์ทและหยุด MX-30 ได้โดยใช้แอป My Mazda และฟังก์ชันตั้งค่าระบบปรับอากาศจากภายนอกตัวรถ
สำหรับขุมพลังของ Mazda MX-30 Retro Sports Edition จะมีครบทุกไลน์อัพทั้ง Mild Hybrid, PHEV และ EV
- e-SKYACTIV G ที่มากับเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1,997 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร มาพร้อมงมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังสูงสุด 6.9 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 49 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ขนาด 10 Ah ส่งกำลังไปยังคู่ล้อหน้าด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
- e-SKYACTIV R-EV ที่จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เครื่องยนต์เบนซิน แบบโรตารี่ ขนาด 830 ซีซี กำลังสูงสุด 75 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตร ทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ Lithium ion ความจุ 17.8 kWh
- e-SKYACTIV EV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% โดยจะได้รับการติดตั้งมเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 145 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium ion ความจุ 35.5 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งให้ระยะทางวิ่งไกล 256 กม. (WLTC)
ในด้านราคาจำหน่าย Mazda MX-30 Retro Sports Edition ในตลาดญี่ปุ่น จะมีราคาดังนี้
- Mazda MX-30 Retro Sports Edition รุ่น Mild Hybrid จะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 2,935,900 – 3,407,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.51 – 7.56 แสนบาท
- Mazda MX-30 Retro Sports Edition รุ่น PHEV จะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 4,356,000 – 4,942,300 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 9.67 แสนบาท – 1.09 ล้านบาท
- Mazda MX-30 Retro Sports Edition รุ่น EV จะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 4,669,500 – 5,211,800 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.03 – 1.15 ล้านบาท