in , , ,

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ Roadster 476 แรงม้า ราคาเริ่ม 14.9 ล้านบาท

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ Roadster เปิดประทุน 476 แรงม้า เปิดราคาในไทยเริ่มที่ 14.9 ล้านบาท

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของรถในตระกูล Mercedes –AMG ที่ทาง Mercedes-Benz นำมาจัดวางจำหน่ายในไทย นอกจาก Mercedes-AMG G 63 ที่เป็นรถเอสยูวีตัวตึงทรงเหลี่ยนมในตำนาน และ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ รถสปอร์ต 585 แรงม้า นั้นก็คือ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ รถสปอร์ตที่มาในรูปแบบ Roadster เปิดประทุน 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

สำหรับ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ นับเป็นรถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงสุดหรู ที่มอบความเป็นที่สุดในทุกด้านจาก Mercedes-AMG 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ในด้านงานออกแบบดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยกระจังหน้า AMG-specific radiator grille with V8-Styling-Paket Exterieur ติดตั้งไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT ระบบไฟด้านข้างประตูแบบ AMG light display 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

หลังคาเปิดประทุนแบบ Fabric soft-top ซึ่งสามารถเปิดและปิดภายในระยะเวลาเพียง 15 วินาที  โดยควบคุมได้ในความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ระบบไฟฟ้า electrically extending rear wing พร้อมติดตั้งล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร และหน้าจอขนาด 11.9 นิ้ว ที่สามารถควบคุมได้ด้วยระบบสัมผัสและปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 12-32 องศา ช่วยปรับให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมป้องกันแสงสะท้อนจากการเปิดหลังคาที่มากระทบหน้าจอ 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ส่วนจอหน้าที่นั่งคนขับเป็นหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicator ที่ทั้งสปอร์ต โฉบเฉี่ยวและเร้าใจ นอกจากนี้ ยังติดตั้งพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel นุ่มกระชับมือด้วยหนัง Nappa leather และเบาะที่นั่ง AMG Sport seats พร้อม AIRSCARF

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ในส่วนที่เป็นไฮไล์หลักจะอยู่ที่ขุมพลังใต้ฝากระโปรงหน้าที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์อันทรงพลังในแบบฉบับ AMG ซึ่งประกอบขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพียงผู้เดียว ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแบบ One Man, One Engine ด้วยเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo มอบพละกำลังสูงสุด 476 แรงม้าที่ 2,250-4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission แบบใหม่ ที่สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที (ultra-short shift times) มีการออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว และผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมระบบช่วยการออกตัวแบบ RACE START ช่วยให้รถสามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที มอบความเร็วสูงสุด 295 กม./ชม.

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive ซึ่งถูกปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนถนนปกติและในสนามแข่ง โดยจะตอบสนองการเข้าโค้งอย่างปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม ด้วยการกระจายกำลังไปที่ล้อต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และแปรผันตามสภาพถนนเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

นอกจากนี้ ยังผสานการทำงานกับระบบช่วยเหลือการควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering โดยระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ด้วยการใช้ล้อหลังในการเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าไม่เกิน 0.7 องศา แต่ถ้าหากต่ำกว่า 100 กม./ชม. จะเลี้ยวตรงกันข้ามกับล้อหน้าไม่เกิน 2.5 องศา 

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

ส่วนระบบช่วงล่างเป็นแบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension โดยผู้ขับขี่สามารถปรับระบบการทำงานของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ คือ Comfort, Sport และ Sport+ ระบบจะช่วยปรับบุคลิกของช่วงล่างให้เป็นไปตามโหมดที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ ผ่านหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางหรือปุ่มบริเวณพวงมาลัย

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

นอกจากนั้นยังถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound จะแสดงเสียงภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง โดยใช้เสืยงสังเคราะห์ผสานการทำงานกับเสียงท่อสุดเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG ซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง Sporty, Discreet (BALANCED) หรือ Motorsporty และ Emotive (POWERFUL) สามารถเลือกโหมดผ่านระบบปรับรูปแบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT โดยในโหมด S และ S+ จะสามารถถ่ายทอดพลังเสียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และติดตั้งเบรกสมรรถนะสูง AMG High-Performance Brake System ที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำในทุกสภาวะการขับขี่ และระบบเบรกแบบ Sports Braking System ยัติดตั้งช่องระบายอากาศเพื่อลดอุณหภูมิของเบรกเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้นทาง AMG จัดมาให้อย่างเต็มพิกัดตามแบบฉบับรถยนต์สปอร์ตพลังแรงที่หรูหราถึงขีดสุด ทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา /ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving Assistance Package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) / ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) / ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) / ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) / ระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้อย่างอิสระ

Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+

สำหรับ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ ที่จะนำมาจัดจำหน่ายในไทยนั้นจะมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง Sun Yellow / สีดำ Obsidian Black / สีเงิน High-tech Silver / สีเทา Selenite Grey / สีน้ำเงิน Hyper Blue และสีน้ำเงิน Spectral Blue

นอกจากนี้ยังมาพร้อม OPITONAL EXTRA ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกออปชันและอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกมากมาย ตั้งแต่สีตัวถังแบบ MA, ระบบเสียง Burmester® high-end 3D surround sound system ที่มาพร้อม AMG 3D Spider ในการเพิ่มเส้นใยนำเสียงที่บริเวณหลังคา รวมถึงการตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่ง AMG Night Package, AMG Night Package Plus หรือ AMG DYNAMIC PLUS Package จนไปถึงการเปิดระบบช่วงล่างแบบ AMG ACTIVE RIDE CONTROL suspension ที่จะมาพร้อมระบบ Lift system, front axle ที่สามารถปรับระดับบริเวณล้อหน้าได้ชั่วคราว

ในด้านราคาจำหน่ายทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นไว้ที่ 14,900,000 บาท