Mercedes-Benz ประกาศเปิดตัว All NEW Mercedes-Benz E-Class (W214) MY2024 ที่มากับภาษาออกแบบใหม่ ดูสปอร์ตล้ำ ผสานความหรูหราโดดเด่นเหนือระดับ อีกทั้งยังมีขุมพลังให้เลือกหลากรูปแบบทั้งเครื่องยนต์เบนซิน / ดีเซล และขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่วิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียว ๆ ได้ไกลถึง 115 กม.
ในด้านงานดีไซน์ของ The new E-Class จะมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าจากตระกูล EQ อันเห็นได้จากกระจังหน้าใหม่ทรงหกเหลี่ยม ที่บริเวณขอบด้านนอกตกแต่งด้วยขอบสีดำเงา เชื่อมต่อลงตัวกับชุดโคมไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ที่ช่วยทำให้ซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่นี้มีความโดดเด่นกว่าพี่น้องในตระกูลทั้ง C-Class และ S-Class
นอกจากนี้ภายในกระจังหน้าเองก็สามารถเลือกได้ทั้งแบบตะแกรงแนวนอนทรง ‘Classic‘ ซึ่งเป็นกระจังหน้าขอว Daimler แบบอนุรักษ์นิยมที่คุ้นเคย หรือจะเป็นกระจังหน้าแบบประกายเพชรหรือแบบดาวดวงเล็ก ๆ หลายสิบดวงที่เรียกว่า ‘Progressive‘
ขณะที่ชุดไฟท้าย LED ก็ได้รับการปรับดีไซน์ภายในดวงโคมใหม่ให้เป็นทรงดาวสามแฉกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนล้อจะมีตั้งแต่ขนาด 18 – 21 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย)
อีกทั้งยังได้ออกแบบตัวถังใหม่ให้มีเส้นสายที่เฉียบคม และพริ้วไหสว โดยตรงตามหลักขอ แอโรไดนามิค ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเสา A ใหม่ ปรับเปลี่ยนมือจับประตูใหม่ให้เป็นแบบฝังเรียบไปกับตัวรถ และเส้นสายช่วยทำให้ E-Class ใหม้ มีค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานอากาศอยุ่ที่ 0.23 Cd ซึ่งต่ำจากเดิมที่ 0.236 Cd และดีกว่าในรถระดับเดียวกัน
นอกจากนั้น Mercedes-Benz E-Class MY2024 ยังได้รับการออกแบบให้มีห้องโดยสารที่กว้างขวางมากขึ้นด้วยมิติตัวถังใหม่ ที่มีความยาว 4,949 มม., กว้าง 1,880 มม., สูง 1,468 มม. รวทั้งขยายฐายล้อให้ยาวขึ้นจากรุ่นเดิม 20 มม. เป็น 2,961 มม. มาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุมากถึง 540 ลิตร
ภายในห้องโดยสารในส่วนแผงแดชบอร์ด แผงมาตรวัด และหน้าจอระบบสาระบันเทิง จะมีความเหมือนกันกับในตัว EQE และ EQS โดยจะได้รับจอดิจิทัล MBUX Superscreen ขนาดใหญ่เป็นพิเศษพร้อมผิวกระจกรองรับการสัมผัส โดยจะประกอบไปด้วย หน้าจออินโฟเทนเมนท์, หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และหน้าปัดดิจิทัลที่แสดงผลได้ทั้งแบบคลาสสิก และแบบสปอร์ต
นอกจากนั้นยังมาพร้อมแอปพลิเคชันมากมายติดตั้งมาให้ทั้ง TikTok, Zoom, Webex, และเกม Angry Birds ซึ่งบางแอปพลิเคชันสามารถใช้ร่วมกับกล้องเซลฟี่ใหม่ที่ติดตั้งด้านบนของแดชบอร์ดได้ อย่างไรก็ตามเจ้าของรถจะสามารถใช้กล้องเพื่อถ่ายภาพและวิดีโอได้ต่อเมื่อรถจอดอยู่เท่านั้น
อีกทั้งยังยังสามารถค้นหาเว็บผ่านเบราว์เซอร์ Vivaldi รวมถึงเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียที่ตอบโจทย์คอนเทนต์ครีเอเคอร์ อาทิ กล้องหน้าบนคอนโซลกลาง พร้อมรองรับการตัดต่อ ตกแต่งภาพหรือคลิป และโพสลงโซเชียลมีเดีย เช่น Tiktok เป็นต้น แต่หากคุณไม่ใช่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ก็ยังรองรับการประชุมทางไกลผ่านโปรแกรม Webex หรือ Zoom
รวมถึงยังมาพร้อมกับชุดไฟ Ambient Lighting ที่สามารถตั้งค่าเฉดสีด้วยตัวเอง ไปจนถึงการซิงค์ร่วมกับเพลงที่เปิดฟังผ่านชุดเครื่องเสียง Burmester ที่มาพร้อมลำโพง 17 ตำแหน่ง มาพร้อมระบบกุญแจดิจิทัลที่ทำงานคู่กับ iPhone และ Apple Watch ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถล็อก และปลดล็อกประตูได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ อีกทั้งยังสามารถแชร์กุญแจดิจิทัลดังกล่าวให้กับสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสูงสุดถึง 16 คน
ขณะที่ตัวกล้องหน้าก็สามารถติดตั้งระบบตรวจจับความผิดปกติของผู้ขับขี่ ATTENTION ASSIST แบบ 3 มิติ ในฐานะอุปกรณ์เสริม ไม่เพียงแต่สามารถตรวจจับสัญญาณของไมโครสลีปเท่านั้น แต่สามารถตรวจจับสายตาของผู้ขับขี่ไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ถนนเป็นเวลาหลายวินาที รวมถึงสามารถตรวจจับสิ่งรบกวน และเตือนผู้ขับขี่ได้ทั้งทางเสียง และทางสายตา และหากเพิกเฉย ก็จะทำการหยุดรถฉุกเฉินอย่างนุ่มนวล
รวมถึงยังมีฟีเจอร์ ระบบเลี้ยวล้อหลัง (Rear-axle Steering) ที่สามารถปรับองศาของล้อหลังได้สูงสุด 4.5 องศา เพื่อลดวงเลี้ยวได้มากสุดถึง 90 ซม. อีกทั้งยังมีแพ็คเกจระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ INTELLIGENT PARKING PILOT พร้อมฟังก์ชั่นการจอดรถระยะไกลให้ได้อัปเกรดเพิ่มเติมด้วย
ด้านพละกำลังของ All NEW Mercedes-Benz E-Class (W214) MY2024 จะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (HP), เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 204 แรงม้า และขุมพลัง เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร ที่กำลังสูงสุด 204 แรงม้า พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มกำลังขึ้นอีก 23 แรงม้า ส่งผลทำให้มีกำลังสุูงสุด 252 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic
สำหรับ All NEW Mercedes-Benz E-Class เตรียมประกาศวันจำหน่าย และราคาในเร็ว ๆ นี้