MG พร้อมกลับมาเขย่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอีกครั้ง ด้วยการเตรียมเปิดตัว MG4 EV XPOWER ฮอตแฮทช์ไฟฟ้ารุ่นสมรรถนะสูง ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังทะลุ 400 แรงม้า เร่ง 0-100 ในเวลา 3.8 วินาที โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดเมืองไทย เดือนมีนาคม 2567 ที่จะถึงนี้
สำหรับ MG4 EV XPOWER เป็นรุ่นรุ่นที่เปิดวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร แต่ในขณะที่เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในประเทศจีนบ้านเกิดนั้นจะใช้ชื่อว่า MG Mulan Triumph Edition โดยถูกเปิดตัวครั้งแรกในจีนเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2022 ส่วนสเปคในเกาะอังกฤษถูกเผยโฉมครั้งแรกที่ในงาน Goodwood Festival of Speed เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2023 ที่ผ่านมา
ซึ่งก่อนที่จะไปพอเจอตัวจริงกันในเดือนหน้านี้ทางทีมงาน Autostation.com มีรายละเอียดบางส่วนของ แฮทช์แบ็กไฟฟ้าตัวแรงคันนี้มาบอกกันก่อนสักเล็กน้อย
ในด้านงานดีไซน์โดยรวมจะไม่แตกต่างจาก MG4 Electric รุ่นมาตรฐานที่วางจำหน่ายในบ้านเรามากมายนัก แต่ก็มีหลาย ๆ จุดที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากในส่วนของล้ออัลลอยจะมากับล้อขนาด 18 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง Bridgestone Turanza เสริมความโดดเด่นด้วยคาลิปเปอร์เบรสีส้มที่ด้านใน
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับชุดพาร์ท สีดำเงา gloss black รอบคัน ที่ช่วยให้ตัวรถนั้นดูมีความดุดัน และโดดเด่นกว่ารุ่นธรรมดา
ภายในห้องโดยสารเบาะที่นั่งยังคงทรงเดิมเหมือนกับใน MG4 รุ่นมาตรฐาน แต่จะปรับวัสดุ โดยจะถูกหุ้มด้วยหนัง Alcantara สีดำ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารปรับมือ 4 ทิศทาง ขฯะที่เบาะหลังแยกพับได้ 60:40
แผงแดชบอร์ดจะมากับมาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว มาพร้อมหน้าจอมัลติฟังก์ชันขนาด 10.25 นิ้ว มีระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ เช่น เวลาต่อรอบและแรง G (Dynamic Driving Management) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน พร้อมที่ชาร์จไร้สายและฟีเจอร์ MG iSMART ขณธที่ระบบเครื่องเสียงจะมาพร้อมกับลำโพง 6 ตำแหน่ง
ในด้านพละกำลังจะเป็นจุดไฮไลท์ที่สำคัญของ MG4 EV XPOWER โดยตัวรถจะถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Modular Scalable Platform (MSP) ของ SAIC Motor พร้อมถูกติดตั้งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โดยมอเตอร์คู่หน้าจะให้กำลัง 150 kW ส่วนมอเตอร์ด้านหลังให้กำลัง 170 kW โดยเมื่อรวมกันจะให้พละกำลังที่มากถึง 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร
มาพร้อมระบบ Dynamic Corning Control System ซึ่งมี Electronuc Locking Differential พร้อม Torque Vectoring ทำให้ตัวรถสามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ 200 กม./ชม ขณะที่ระยะทางวิ่งชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้สูงสุด 385 กม. (WLTP)
นอกจากระบบช่วงล่างยังปรับเซทใหม่ให้เข้ากับพละกำลัง โดยถูกระบุว่าจะมีความหนึบมากขึ้น 25% ด้วยการปรับตั้งค่าสปริง และแดมเปอร์ใหม่ พร้อมติดตั้งบาร์กันโคลง เพื่อให้สามารถรองรับการบิดตัวของโครงสร้างตัวรถ
รวมทั้งยังปรับเซทพวงมาลัยให้มีความเฉียบคมมากขึ้น ขณะที่ระบบเบรกได้รับการติดตั้งจานเบรกขนาด 345 มม. โดยทางเอ็มจีเคลมว่าสามารถลดความเร็วจาก 100 กม./ชม. จนหยุดสนิทได้ด้วยระยะทาง 33.9 เมตร
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จะมากับถุงลมนิรภัย 6 จุด, เบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, จุดยึดเบาะนั่ง ISOFIX รวมถึงระบบช่วยขับขี่ ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์หลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า ระบบรักษาช่องทางและเตือนออกนอกช่องทาง, ระบบช่วยขับขี่ที่ความเร็วต่ำ, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน, ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนการจราจรด้านหลัง เป็นต้น
MG4 EV XPOWER เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร จะมีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White, สีน้ำเงิน Holborn Blue, สีดำ Black Pearl, สีเทา Camden Grey, สีส้ม Volcano Orange, สีแดง Dynamic Red และสีโปรโมทอย่างสีเขียว Racing Green
สำหรับ MG4 EV XPOWER ที่ขายบนเกาะอังกฤษจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 36,495 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือคิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ราว 1.6 ล้านบาท
ส่วนสเปคที่จะเปิดตัวในบ้านเรานั้นในเดือนมีนาคม นี้จะเป็นอย่างไรนั้นแตกต่างจากเวอร์ชั่นบนเกาะอังกฤษ มากน้อยขนาดไหน รวมทั้งราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่มีนาคม นี้ได้ทราบกันอย่างแน่นอน
ซึ่งทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้ทราบโดยทันทีที่ MG4 EV XPOWER ถูกเปิดผ้าคลุมอออกมา
