มิตซูบิชิในยุโรปเผยโฉม Mitsubishi Grandis รถเอสยูวีรุ่นใหม่ ที่จะมีไว้สำหรับผู้ใช้ชาวยุโรปโดยเฉพาะ โดบจะมีขุมพลังให้เลือกใช้ทั้ง MHEV (ไมลด์ไฮบริด) และ HEV (ฟูลไฮบริด) พร้อมเปิดตัววางจำหน้่ายในเร็ว ๆ วันนี้
สำหรับ Mitsubishi Grandis จะพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน CMF-B ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในเครือพันธมิตร Renault–Nissan–Mitsubishi โดยตัวรถจะเป็นฝาแฝดกันกับ Renault Symbioz ซึ่งใช้ แพลตฟอร์มเดียวกัน แต่จะมีการปรับเปลี่ยน ดีเทล พร้อมกับเปลี่ยนโลโก้จาก Renault มาเป็น Mitsubishi

ขณะที่ในส่วนชื่อรุ่น Grandis นั้นจะมาจากภาษาลาตินที่มีความหมายว่าใหญ่ และประทับใจ อีกทั้งยังเป็นการนำชื่อมารียูส ใช้ใหม่อีกครั้ง จากเดิมชื่อรุ่น Grandis นั้นจะถูกใช้ในรถมินิแวนเบาะแบบ 3 แถว ที่เคยถูกผลิตในช่วงปี 2003 – 2011 แต่การกลับมาใหม่ครั้งนี้ของ Mitsubishi Grandis จะเป็นรถเอสยูวีแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง
ในด้านการออกแบบภายนอกของรถของ Mitsubishi Grandis 2026 จะดูคล้ายกับ ASX ที่เป็นเอสยูวีขนาดเล็กที่มีวางจำหนายเฉพาะในยุโรป โดยเฉพาะด้านหน้า กระจังหน้าสีดำเงามาในแบบ Dynamic Shield ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมตกแต่งด้สนในให้เป็นริ้วด้วยวัสดุสีเงิน
ขณะที่ชุดโคมไฟหน้ายกมาจากตัว Symbioz ที่เป็นโคมขนาดใหญ่ ส่วนไฟ LED DRL ที่อยู่ด้านล่างมาในแบบสายฟ้านั้นจะปรับดีเทลให้แตกต่างกันเล็กน้อย ที่แตกต่างกันเล็กน้อย
ขณะที่เส้นสายด้านข้างนั้นได้รับอิทธิพลมาจากรถรุ่นแฝดจากฝรั่งเศสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตกแต่งกาบประตูข้างด้วยชิ้นงานสีดำ ขอบซุ้มล้อสำ แต่ในส่วนที่แตกต่างจะเป็นลายล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ที่ของในรุ่น Grandis จะเป้นลาย 5 ก้านคล้ายใบพัด ที่มาในแบบปัดเงา ที่เน้นความพรีเมียม และหรูหรามาสกขึ้น รวมทั้ง Mitsubishi Grandis ยังได้ติดตราตราสัญลักษณ์ “Hybrid EV” ไว้ที่บานประตูใกล้ซุ้มล้อหน้า เพื่อบ่งบอกว่าเป้นรถพลังงานทางเลือกใหม่
ส่วนด้านท้ายของ Mitsubishi Grandis จะมากับชุดไฟท้ายแนวนอน รูปทรงหกเหลี่ยมแบบ Sculptural Hexagon ซึ่งแตกต่างจาก Renault Symbioz ที่มาในทรงสามเหลี่ยม ขณะที่ในส่วนอื่น ๆ นั้นยังเหมือนกันทั้ง สปอยเลอร์หลัง และกันชนท้ายสีดำ ที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานเดียวเดียวกับตัวรถที่ด้านใน
ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Grandis ก็ยกดีเทลแบบเดียวกับ Renault Symbioz มาทุกชิ้น ยกเว้นโลโก้ Mitsubishi บนพวงมาลัย กับในส่วนของคันเกียร์ที่ออกแบบใหม่ให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้ง
ห้องโดยสารจะรองรับได้ 5 ที่นั่ง เบาะแถวหลังสามารถเลื่อนหน้า-หลังได้สูงสุดถึง 160 มม. ทำให้สามารถปรับพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างจุใจ โดยมีความจุอยู่ที่ 434 ลิตร และเมื่อเลื่อนเบาะไปข้างหน้า จะเพิ่มปริมษณได้ 566 ลิตร แต่เมื่แพับเบาะหลัะงลงจะขยายพื้นที่ได้มากถึง 1,455 ลิตร
ในส่วนของแผงแดชบอร์ดนั้นจะโดเด่นด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว ที่วางในแบบแนวตั้ง พร้อมรองรับระบบ Google Built-in ที่ทำให้สามารถเข้าถึงแอปพิเคชัน และบริการต่างๆ ของกูเกิลได้ รวมทั้ง Google Play รวมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย โดยมีชุดควบคุมสั่งงานวางเรียงเป็นแถวเหมือนแป้นเปียโนอยู่ด้านล่าง มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว หรือ 10 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุถ่นย่อย) วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมังติฟังก์ชันทรงสามก้าน
นอกจากกนั้นยังามารถสั่งงานผ่านสมาร์ตโฟนได้ ทั้งสามารถค้นหาตำแหน่งรถ หรือสั่งล็อก-ปลดล็อกรถจากระยะไกล รวมถึงสตาร์ทรถผ่านฟังก์ชัน Digital Key
ส่วนด้านชุดอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะได้รับอาทิ แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังการชาร์จ 15W, หลังคาแก้วแบบพาโนรามิกพร้อมระบบหรี่แสงแบบอิเล็กโทรโครมิก, ประตูท้ายไฟฟ้าแบบควบคุมระยะไกล และชุดคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครอบคลุม
ส่วนในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมีให้เลือก 2 รุปแบบทั้งขุมพลัง MHEV และ HEV
- MHEV (Mild Hybrid) จะมากับใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 140 แรงม้า มาพร้อม Belt Driven Starter Generator และแบตเตอรีลิเธียมไอออน 12V มีระบบส่งกำลังให้เลือกระหว่างแมนนวล 6 สปีดหรือดูอัลคลัตช์ 7 สปีด
- HEV (Hybrid) จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลัง 109 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมทั้งระบบ 156 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 1.4 kWh มาพร้อมระบบเกียร์แบบ Multi-mode โดยมีโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Perso, Eco, Comfort และ Sport
ด้านระบบความปลอดภัยของ Grandis ใหม่มาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงหลายระบบ เช่น เซ็นเซอร์อัลตราโซนิค / กล้อง และเรดาร์ด้านหน้าที่คอยตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขับขี่ที่มั่นใจ นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ครบครัน เช่น ระบบ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันพร้อม Stop & Go, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ, ระบบเตือนจุดอับสายตา, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติหน้า-หลัง เป็นต้น
สำหรับ Mitsubishi Grandis SUV ขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่นี้ จะถุกผลิตขึ้นที่โรงงานของ Renault ในเมืองบายาโดลิด ประเทศสเปน ส่วนการวางตลาดนั้นจะมีชึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 นี้ ขณะที่สนนราคาค่าตัวคาดว่าจะถูกประกาศออกมาอีกครั้งในวันที่ลงโชว์รูม