in , , ,

เผยภาพคันจริง NETA X เอสยูวีไฟฟ้าวิ่งไกล 480 กม. ก่อนเปิดตัวในไทยกลางเดือน ก.ค. นี้

เปิดภาพจริง พร้อมสเปก NETA X เอสยูวีไฟฟ้าเวอร์ชันไทย 163 แรงม้า ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกลสุด 480 กม. ก่อนเปิดตัวประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการกลางเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ คาดค่าตัวอยู่ที่ราว ๆ 9 แสนบาท

NETA X 2024

หลังจากที่เผยโฉม ให้ผู้สนใจได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งยังได้เปิด Pre-booking ให้จับจองกันก่อนล่วงหน้าไปแล้วที่ในงาน Motor Show 2024 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำหรับ NETA X เอสยูวีไฟฟ้า ตัวใหม่ของทางแบรนด์ NETA 

NETA X 2024

ล่าสุดทางเนต้า ประเทศไทยได้เผยภาพจริงในทุกมุมมอง พร้อมส้เปคกรายละเอียดของ NETA X เอสยูวีไฟฟ้าออกมาแล้ว ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้

NETA X 2024

สำหรับ NETA X เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบเอสยูวีขนาด B-segment โดยมีมีมิติตัวรถความยาวอยู่ที่ 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม. สูง 1,628 มม. และความยาวฐานล้อ 2,770 มม.

NETA X 2024

NETA X 2024

ในด้านงานออกแบบดีไซน์จะเน้นความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย ชุดไฟหน้า LED จะเป็นแบบแยกส่วน โดยด้านบนจะเป็นไฟ DRL ทรงเรียว ขณะที่ชุดไฟส่องสว่างจะอยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยมคางหมูสีดำด้านล่าง พร้อมติดตราโลโก้คั้นกลางระหว่างชุดไฟหน้า

NETA X 2024

NETA X 2024

NETA X 2024

NETA X 2024

ด้านข้างตัวรถจะตกแต่งกาบข้างประตูด้วยวัสดุที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ ขณะที่ในส่วนของหลังคาดีไซน์ให้เป็นแบบ Floating roof หรือหลังคาแบบลอยตัว มาพร้อมกับล้ออัลลอยลายขนาด18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 สีทูโทนลายคล้ายกงจักร ช่วยเสริมให้ตัวรถดูทันสมัยมากขึ้น

NETA X 2024

NETA X 2024

ส่วนด้านท้ายจะมากับชุดไฟแบบ LED ที่วางพาดเต็มพื้นด้านหลัง เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ

NETA X 2024

NETA X 2024

NETA X 2024

ภายในห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุแบบบุนิ่ม งานออกแบบเน้นความเรียบง่าย โดยตัวรถจะไม่มีปุ่มสั่งงานภายในเลย

NETA X 2024

คอนโซลกลางถูกออกแบบให้เชื่อมต่อติดกับคอนโซลหน้า ถูกดีไซน์ให้มีเพียงช่องวางแก้วน้ำ ช่องวางของ และแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายเท่านั้น โดยในส่วนคันเกียร์จะอยู่ที่ด้านหลังพวงมาลัย

NETA X 2024

NETA X 2024

ในส่วนของแผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งแผงหน้าปัด LCD ขนาด 8.9 นิ้ว โดยมีความบางเพียง 6.7 มม. วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape ส่วนหน้าจอกลางจะมีขนาด 15.6 นิ้ว โดยถูกวางแบบลอยตัวอยู่บนคอนโซลหน้า มาพร้อมใช้ชิพประมวล Qualcomm Snapdragon 8155

NETA X 2024

NETA X 2024

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับ เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 8 จุด, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold, ช่องแอร์สำหรับยผู้โดยสาารตอนหลัง ขณะที่เฉดสีภายในจะมีให้เลือก 2 เฉดสีคือสีดำ และสีน้ำตาล

NETA X 2024

NETA X 2024

NETA X 2024

อีกทั้งยังออกแบบภายในให้มีความกว้างขวาง นั่งสบาย โดยมีพื้นที่ด้านหลังที่ความยาว 927 มม. ส่วนพื้นที่ด้านหน้ามีความยาว 838 มม. ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 508 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะด้านหลังลงจะเพิ่มความจุมากถึง 1,388 ลิตร

NETA X 2024

NETA X 2024

สำหรับระบบความปลอดภัยทางอิงจากเวอร์ชันที่เปิดขายในประเทศจีน จะได้รับการติดตั้งเคลื่อนเรดาร์ 21 มม. มาพร้อมเรดาร์อัตราโซนิก 12 ตัว พร้อม กล้องอัจฉริยะ 1ตัว และกล้องรอบคัน 4 ตัว ขณะที่ระบบช่วยเหลือการขับขี่จะมากับชุดฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ L2+ ที่มากถึง 23 รายการ ส่วนสเปกเมืองไทยจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่าอย่างไรต้องรอในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

NETA X 2024

สำหรับขุมพลังของ NETA X จะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 120 kW (163 แรงม้า)  แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ให่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9.5 วินาที มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ (ECO / NORMAL / SPORT)

NETA X 2024

NETA X 2024

สำหรับชุดแบตเตอรีจะเป็นแบบ Lithium-ion LFP โดยในรุ่นท็อปจะมีความจุอยู่ที่  62 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทางไกล 480 กม. ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC ขณะที่ในรุ่นเริ่มต้นจะวิ่งได้ระยะทางราว ๆ 140 กม. ส่วนขนาดแบตตอรี่จะไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้

NETA X 2024

ด้านการชาร์จไฟรองรับการชาร์จทั้งแบบ AC ที่กำลังสูงุสด 6.6 kW ชาร์ตไฟเต็มในเวลา 8 ชม. พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 100kW ให้กำลังไฟจาก 30 – 80% ในเวลา 30 นาที อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ V2L ที่สามารถจ่ายกระแสไปยังชุดอุปกรณ์ภายนอก

NETA X 2024

NETA X 2024 จะมีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก Pearl White, สีเทา Sky Gray, สีน้ำตาล Amber Brown, สีน้ำเงิน Glacier Blue และสีดำ Ultimate Black 

NETA X 2024

NETA X 2024

NETA X 2024 เอสยูวีไฟฟ้าตัวใหม่นี้จะมีการเปิดตัว ประกาศราคาอย่างเป็นทางอีกครั้งในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจำหน่ายในรุ่นเริ่มต้นจะไม่เกิน 8 แสนบาท ส่วนในรุ่นท๊อปที่วิ่งได้ 480 กม. ลุ้นราคาอยู่ที่ราว ๆ 9 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาทอย่างแน่นอน