รีวิว Mitsubishi Xpander 2022 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่มาพร้อมกับเกียร์ CVT มีอะไรที่น่าสนใจและปรับเปลี่ยนใหม่บ้าง พอจะสู้คู่แข่งที่เปิดตัวไปก่อนล่วงหน้าได้หรือไม่ เราเรียบเรียงและสรุปมาให้แล้ว
Mitsubishi Xpander เป็นรถในกลุ่ม Mini MPV 7 ที่นั่ง ที่ได้รับการยอมรับมากในตลาดเมืองไทย นับตั้งแต่เผยโฉมออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2018 จวบจนถึงปันจุบัน โดยล่าสุดได้เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ภายในงาน Motor Show 2022 เมื่อปลายเดือนมีนามที่ผ่านมา แต่เพียงแค่เปิดตัวและให้จับจองเท่านั้นส่วนราคายังไม่มีการแจ้งออก ซึ่งคาดว่าคงจะหลังสงกรานต์หรือไม่ก็ต้องรอช่วงปลายเดือนเมษายน นี้ !!!
สำหรับการทดลองขับ Mitsubishi Xpander 2022 เราใช้เส้นทางจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ด้วยระยะไปประมาณ 245 กม. โดยเส้นทางนั้นจะมีทั้งทางวุ่นวายในตัวเมือง รวมถึงเส้นทางถนนไฮเวย์ที่มีทั้งรถขนาดใหญ่ และรถขนาดต่างที่สัญจรอยู่บนท้องถนน เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ารถ Mini MPV 7 ที่นั่ง รุ่นปรับโฉมใหม่นี้จะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่กับเกียร์ CVT ลูกใหม่ และช่วงล่างที่ปรับเซทขึ้นมาใหม่
ดีไซน์ภายนอกปรับโฉม เพิ่มความหรู
ในด้านการเปลี่ยนของ Mitsubishi Xpander รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่มให้มีความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากกว่ารุ้นที่ผ่านมา ด้านหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Advanced Dynamic Shield
ที่ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าแบบ 2 ชั้น ด้านบนเป็นไฟ DRL ที่เป็นแบบ LED ส่วนไฟส่องสว่างเป็นแบบหลอดไส้ อยู่ภายใต้โคมรูปทรงตัว T ที่ทางมิตซูบิชิ เคลมไว้ว่าจะมีความสว่างที่มากขึ้นถึง 20% รวมถึงติตั้งไฟตัดหมอกหลอด LED ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นในตอนกลางคืน
เช่นเดียวกับด้านท้ายที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ชุดไฟท้ายมากับดีไซน์รูปตัว T ที่ใช้ทั้งแบบหลอดไส้และไฟ LED ผสมกัน มาพร้อมกันชนท้ายและแผ่นกันกระแทกที่ถูกแบบใหม่แบบ 3 มิติ และล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยาง Bridgestone Ecopia ขนาด 205/55R17 91V
ในด้านมิติตัวรถนั้นปรับขนาดตัวถังให้มีขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (ใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 95 มม.) โดยมีความยาว 4,495 มม.,กว้าง 1,750 มม. สูง 1,750 มม. และมีระยะห่างของฐานล้อ 2,775 มม.โดยมีการเพิ่มความสูงจากพื้นถนนขึ้นอีก 15 มม. จากในรุ่นที่ผ่านมา ส่งผลให้มีระยะห่างจากพื้น 220 มม.
ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่และพร้อมลุยทุกเส้นทาง ซึ่งระยะความสูงจากพื้นจะน้อยกว่าในรุ่น Xpander Cross เพียง 5 มม. เท่านั้น และจากการสอบถาม Xpander Cross ในรุ่นถัดไฟอาจมีความเป้นไปได้ที่จะมีความสูงจากพื้นเท่ากับในตัว Mitsubishi Xpander 2022 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ รุ่นนี้
อัปเกรดภายในห้องโดยสารเน้นกว้างขวาง
ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ให้ความพรีเมียมมากขึ้นตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มในหลายส่วน พร้อมกับใส่ความสปอร์ตด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และโครเมี่ยม
เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำที่ทาง Mitsubishi เคลมไว้ว่าจะสะท้อนความร้อนออกได้ถึง 3 องศา (จะมีเฉพาะในส่วนเบาะคู่หน้าและเบาะแถวที่ 2) พร้อมกับดีไซน์ให้มีความใหญ่นั่งสบายโอบกระชับตัว คนตัวใหญ๋ ๆ สามารถนั่งได้อย่างสบายไม่อึดอัด เบาะฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าที่ด้านล่างมีช่องเก็บของที่สามารถจุของที่มีน้ำหนักได้มากกว่า 2 กก.
เบาะนั่งตอนหลังปรับพับแบบ 60:40 สามารถพับได้อย่างหลากหลายเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ เบาะแถวที่สามสามารถนั่งได้จริงไม่อึดอัด เบาะแถว 2 มีที่วางแขนแบบพับเก็บได้ แต่น่าเสียดายในส่วนของเบาะที่นั่งคู่หน้าที่ปรับด้วยมือทั้งหมด ซึ่งคู่แข่งนั้นปรับด้วยไฟฟ้า
แผงระบบแอร์ด้านหน้าเป็นแบบดิจิตอล มาพร้อมฟังก์ชั่น Max Cool ที่จะช่วยเร่งความแรงของพัดลมและอุณหภูมิของแอร์ให้เย็นฉ่ำได้ดังใจ สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเป็นช่องแอร์บนหลังคาพร้อมปุ่มปรับระดับความแรงของพัดลม
มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนัง ดีไซน์ใหม่ จับกระชับมือ ที่ก้านพวงมาลัยมีโหมดควบคุมการทำงานและฟังก์ชันต่าง ๆ ทั้งสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง สวิตช์รับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ รวมถึงสวิตช์ปรับตั้งระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
หน้าจอระบบสัมผัสรุ่นใหม่ที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังเน้นความอเนกประสงค์ ด้วยการเพิ่มกล่องเก็บของด้านหน้าและบริเวณแผงข้างประตู
บริเวณคอนโซลกลางออกแบบใหม่ให้มีพื้นที่มากขึ้น ติดตั้งระบบเบรกมือเปลี่ยนมาเป็นแบบไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Brake Hold มาพร้อมที่พักแขน และช่องบรรจุขวดขนาด 600 มล. และมีที่ชาร์จไฟ 3 ตำแหน่งทั้งหน้าและหลัง ติดตั้งช่องชาร์จ USB Type-A และ Type-C ทั้งด้านหน้าและเบาะที่นั่งด้านหลัง รวมถึงในเบาะแถวที่ 3 บริเวณด้านข้าง ยังได้ติดตั้งช่อง Power Outlet ไว้ด้วย
สมรรถนะการขับขี่ดี ช่วงล่างแน่นเฟิร์ม
ในด้านขุมพลังของ Mitsubishi Xpander รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังคงมากับเครื่องยนต์บล๊อกเดิม 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งเพียงพอสำหรับรถครอบครัวที่ใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันทาง Mitsubishi เคลมไว้ที่ 16.4 กม./ลิตร ขับจริง ๆ ในสถาณการณ์จริงบนท้องถนนผู้ขับทำได้ประมาณ 14-15 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียง
แต่ที่เป็นไฮไลท์จะเป็นในส่วนของระบบส่งกำลังลูกใหม่ ที่เปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 4 จังหวะ มาเป็นชุดเกียร์ CVT โดยเกียร์ CVT นั้นจะมีการตอบสนองที่ดีทันใจ การเปลี่ยนเกียร์ให้ความรู้สึกทีีต่อเนื่องนุ่มนวล และสมูทมากขึ้น ซึ่งทำให้เครื่องยนต์จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอในทุกอัตราความเร็ว โโยเฉพาะอัตราเร่งช่วงออกตัวทำได้ดี
แต่สำหรับถ้าคนที่ต้องการความกระฉับกระเฉงในการเร่งแซง คงเลี้ยงรอบเครื่องยนต์พร้อมกับการ Kick Down ลงไป จะส่งให้ตัวรถพุ่งทยานไปข้างหน้า ซึ่งเป็นวิสัยของเกียร์ CVT ที่เน้นในเรื่องของความประหยดเสียมากกว่า ส่วนปุ่มที่อยู่ข้างคันเกียร์ที่ตอนแรงคิดว่าจะเป็น Overdrive ไว้สำหรับเร่งความเร็ว แต่ทาง Mitsubishi บอกว่าจะเป็นปุ่ม S Drive ที่ไว้ใช้ช่วยในตอนเข้าโค้ง หรือลงจากเขา เพื่อให้เป็นอินจิ้นเบรค
ระบบช่วงล่างเป็นอะไรที่ดีงามมากสำหรับ Mitsubishi Xpander รุ่นไมเนอร์เชนจ์ รุ่นใหม่นี้ที่ได้รับการปรับเซทใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมกับมีการเปลี่ยนใช้โช้คอัพที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 10% ที่เป็นไซส์เดียวกับตัว Pajaro Sport
รวมถึงล้อที่ขยับจากขนาด 16 นิ้ว มาเป็น 17 นิ้ว ส่งผลทำให้ระบบช่วงล่างมีความนุ่มและแน่น แต่ไม่แข็งจนกระด้าง มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่มากขึ้น พร้อมกับมีความเฟิร์มมากขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ไม่มีอาการย้วยให้เห็น แรงสะท้านจากด้านล่างจะดูน้อยลง สร้างความมั่นใจตจลอดการเดินทางทั้งในเมืองและนอกเมือง
ด้านพวงมาลัยไฟฟ้านั้นถูกปรับเซทใหม่ให้มีความแม่นยำ ไม่เบาหรือหนักเกินไป โดยถ้าขับในย่านความเร็วต่ำจะมีความรู้สึกที่เบา ซึ่งถ้าใช้งานในเมืองจะดูดีและเหมาะกับคุณผู้หญิงที่ไม่ต้องการพวงมาลัยที่หนักจนเกินไป แต่เมื่อใช้ในย่านความเร็งสูงตัวพวงาลัยจะมีความหนืดขึ้น น้ำหนักจากที่เบาก็กลับมาเป็นแบบกระชับมือ ให้ความพอดีกับความเร็วในขณะนั้น ๆ ช่วยทำให้ควบคุมได้ง่าย มีความแม่น และคม ของพวงมาลัย โดยไม่ต้องคอยคอยประคองพวงมาลัยไปมาตลอดเส้นทาง
นอกจากนั้นตัวรถยังได้รับการบุเก็บเสียงรอบคันมาใหม่ จึงทำให้ภายในห้องโดยสารนั้นเงียบ จะมีเสียงดังเฉพาะเครื่องยนต์ในตอนที่มีรอบสูง ๆ เท่านั้น อีนนี้จัดเป็นข้อดีงามอีกหนึ่งอย่าง
ระบบความปลอดภัยมีมาน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ในด้านระบบความปลออดภัยนั้น ต้องบอกเลยว่าถ้าไปเทียบกับคู่แข่งในตลาดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ Xpander จะมีเพียงถุงนิรภัยคู่หน้า และระบบครูสคอนโทรล และกล้องมองหลังมาให้เท่านั้น ซึ่งถ้าคิดว่าเป็นรถครอบครัวควรจะมีอะไรที่ให้ความปลอดภัยให้กับครอบครัวมากกว่านี้ ซึ่งคู่แข่งนั้นมาแบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น ระบบ Blind Spot, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และกล้องรอบคัน 360 องศา
บทสรุป
Mitsubishi Xpander 2022 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ เป็น Mini MPV อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ในหลาย ๆ ด้าน ที่เด่นชัดจะเป็นในเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตาที่ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวขึ้น รวมถึงความพรีเมียมในห้องโดยสาร ที่ใช้วัสดุเกรดดี ห้องโดยสารมีความกว้างขวาง เงียบนั่งสบายกว่าคู่แข่ง รวมถึงระบบช่วงล่างที่เรียกว่าดีงาม สามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองนอกเมืองได้อย่างสบายใจ
สำหรับขุมพลังก็เหมาสำหรับประเภทรถครอบครัว ที่ไม่ต้องการความแรงหรืออัตราเร่งที่เร้าใจ หรือจี๊ดจ๊าด เมื่อทำงานงานกับเกียร์ ิCVT ลูกใหม่ ที่เน้นในเรื่องความปนะหยัด ก็ถือว่าเข้ากันอย่างลงตัว
แต่ส่วนที่เรียกว่าจะเป็นข้อด้วยของรถรุ่นนี้จะอยู่ที่ระบบความปลอดภัยแอคทีฟเซฟตี้ ที่ไม่มีมา ไม่ว่าจะเป็น Blind Spot ระบบเตือนการชนด้านหน้า หรือระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่อย่าง Veloz ที่เค้าจัดมาแบบชุดใหญ่จัดเต็ม
แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อยู่ที่ราคาค่าตัวของ Mitsubishi Xpander ตัวใหม่นี้จะเปิดราคาออกมาเท่าไหร่ ซึ่งคาดว่าจะมาในช่วงหลังสงกรานต์หรือจะเป้นช่วงปลายเดือนเมษายน นี้ เพราะในรุ่นที่ผ่านมาทาง Mitsubishi ตั้งราคาอยู่ที่ 7.89 แสนบาท และตัวท็อป GT มีราคา 8.63 แสนบาท ขณะที่ตัวเริ่มต้นของ Veloz เริ่มที่ 7.95 แสนบาท ส่วนตัวท็อปออปชันเต็มอยู่ที่ 8.75 แสนบาท
ราคาจำหน่าย New Mitsubishi Xpander 2022 ดังนี้
- 1.5 GLS-Ltd CVT ราคา 799,000 บาท (แพงกว่าเดิม 10,000 บาท)
- 1.5 GT CVT ราคา 895,000 บาท (แพงกว่าเดิม 32,000 บาท)