Nissan และ Dongfeng ที่เป็นบริษัทร่วมทุน ได้เปิดรับจองล่วงหน้า Nissan N7 รถเก๋งซีดานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ ที่มีไว้สำหรับชาวจีนโดยเฉพาะ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 เม.ย. นี้ คาดว่าจะเริ่มไม่เกิน 200,000 หยวน หรือราว ๆ 9.26 แสนบาท
สำหรับ Nissan N7 ซีดานไฟฟ้าตัวใหม่นี้จะเป็นรถที่ถูกพัฒนามาจากตัวต้นแบบ Nissan Epoch ที่เคยโชว์ตัวที่จีนช่วงกลางปีที่งาน Auto China 2024
โดยจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกภายที่ถูกสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมพลังงานใหม่ของ Dongfeng Nissan โดยทางทางผู้ผลิตเผยว่ารถซีดานใหม่คันนี้จะเป็นรถที่สร้างมาตรฐานใหม่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มครอบครัวชาวจีนโดยเฉพาะ
ในด้านงานดีไซน์ในส่วนด้านหน้าของ N7 จะมาในดีไซน์แบบ V-Motion ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางนิสสัน โดยมีชุดไฟหน้าแบบ 2 ชั้น ด้านบนจะเป็นแถบไฟ LED DRL ที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ โดยจะเลาะตามขอบของฝากระโปรงหน้า มาพร้อมชุดไฟหน้ารูปตัว V แบบทรงบูมเมอแรง ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นเผยว่าจะประกอบไปด้วยหลอดไฟ LED ที่มาถึง 710 ดวง ตรงกลางกระจังหน้าที่เป็นแบบปิดทึบจะติดตั้งโลโก้ Nissan ที่มาในแบบเรืองแสง
ส่วนชุดไฟท้าย ก็มาในแบบทรงเดียวกันกับด้านหน้าทีวางเต็มพื้นที่ด้านหลัง โดยจะประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่มากถึง 882 ดวง
เส้นสายด้านข้างเน้นความเรียบหรู ออกแบบให้ตัวรถลดแรงต้านอากาศ มือเปิดประตูเป็นแบบราบไปกับตัวรถ มาพร้อมประตูแบบไร้กรอบ ขณะที่ในส่วนของหลังคาด้านท้ายมาในทรงลาดเทในสไตล์คูเป้ โดยทางผู้ผลิตเผยว่าตัวรถจะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.208 Cd
ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีขนาดที่ใกล้เคียวกับ TEANA โดยจะมีความยาวอยู่ที่ 4,930 มม. กว้าง 1,895 มม. สูง 1,487 มม. มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,915 มม. ตัวรถจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,949 กก. และ 1,962 กก.
ภายในห้องโดยสารจะมีให้เลือก 2 โทนสี ได้แก่ สีเทาอ่อน และสีเขียว โดยออกแบบให้มีความกว้างเป็นพิเศษ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในแบบครอบครัว
โดยมีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังกว้างถึง 707 มม. มาพร้อมพื้นที่รับแสงธรรมชาติขนาด 4 ตารางเมตร สามารถกันรังสียูวีได้มากถึง 99% อีกทั้งยังตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณภาพชีวิต
ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะมากับแผงหน้าปัดแบบ LCD ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่วางอยู่อยู่ด้านหล้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันแบบก้านคู่ โโยมีปึ่มควบคุมเป็นแบบลูกกลิ้ง มาพร้อมคันเกียร์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านหลัง ส่งนตนงกลางคอนโซลหน้าจะมากับหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15.6 นิ้ว ที่มาพร้อมความคมชัดระดับ 2.5K
มาพร้อมระบบ Nissan OS ขับเคลือินด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295P รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง AI ที่เชื่อมต่อกับรุ่น DeepSeek-R1 อีกทั้งยังรองรับการเชื่อต่อทั้ง HiCar, Carlink และ CarPlay
เบาะที่นั่งเป็นแบบ AI Zero Pressure Cloud Carpet Seat หุ้มด้วยวัสดุที่เนียนเรียบดุจแพรไหม พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ 49 ตัวจากสถาปัตยกรรม Tianyan เพื่อใช้ในการตรวจจับความดันร่างกายผู้ใช้งาน และปรับตามพนักพิง, ที่รองน่อง รวมถึงปีกเบาะเพื่อให้ผู้ใช้งานผ่อนคลายที่สุด โดยเป็นการปรับตำแหน่งแบบ real-time ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในรถยนต์ นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบนวดผ่อนคลายที่มากถึง 12 จุด
ด้านชุดดอุปกรณ์ภายในจะได้รับชุดไฟ Ambient light รอบทิศทาง 256 สี, ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง โดยบางส่วนถูกติดตั้งไว้บริเวณพนักพิงศีรษะด้านหน้า
แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายแบบคู่ ที่ให้กำลังไฟชาร์จ 50 W, หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา และตู้ที่รองรับทั้งการทำความเย็นและความร้อนโดยมีช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -6°C ถึง 55°C ปิดท้ายด้วยพื้นที่เก็บของด้านหลังที่มีความจุมากถึง 504 ลิตร
ในด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ จะมากับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง มาพร้อมระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Momenta ทำงานร่วมกับระบบนำทาง Navigate on Autopilot ซึ่งจะมากับระบบนำทางทั้งในเมือง และทางหลวงแบบอัตโนมัติ รวมถึงยังได้รับระบบช่วยจอดรถ และระบบช่วยจอดที่สามารถที่ทิศทางได้
ในด้านพละกำลังจะได้รับการดิดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความแรงให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 200 kW (268 แรงม้า) และ 160 kW (215 แรงม้า)
จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตที่มี 2 ขนาดความจุ 58 kWh และ 73 kWh ชาร์จไฟให้ระยะทางวิ่ง 510 กม. และ 635 กม. พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC แบบ 3C ชาร์จเพียง 19 นาที วิ่งไกลถึง 400 กม.
สำหรับ Nissan N7 จะมีคู่แข่งที่สำคัญในตลาดเมืองจีนก็อย่างเช่น BYD Han ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ โดยจะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ น้ำเงิน / เงิน / น้ำเงินเขียว / สีเบจ / สีขาว และสีดำนาน
ด้านการเปิดตัวจะมีขึ้นในวันที่ 27 เมษายน 2025 นี้ แต่ก่อนที่จะเปิดราคาจำหน่ายนั้นทาง Dongfeng- Nissan ได้เปิดให้ผู้สนใจชาวจีนได้จับจองกันก่อนล่วงหน้า
โดยเปิดให้จองล่วงหน้าด้วยเงินเพียง 999 หยวน (ประมาณ 4,600 บาท) และใช้เป็นส่วนลดจำนวน 3,000 หยวน (ประมาณ 14,000 บาท) ส่วนราคาจำหน่ายนั้นคาดการณ์ว่าจะมีราคาที่ต่ำกว่่า 200,000 หยวน หรือประมาณ 9.26 แสนบาท
ทั้งนี้หากมีรายละเอียดเพื่มเติมออกมาอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง