ถ้าเอ่ยชื่อ Nissan Sentra ในบ้านเราที่เมืองไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไหร่ แต่บอกเป็นรุ่นเดียว และแบบเดียวกันกับ Nissan Sylphy ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะคุ้นชื่อนี้กันบ้าง เพราะเมื่อก่อนทาง นิสสันประเทศไทยได้นำเข้ามาจัดจำหน่ายก่อนที่จะหยุดการผลิต และยกเลิกการจัดจำหน่ายไปเมื่อกันยายน ปี 2563 ที่ผ่านมา
แต่ในบางประเทศ รวมทั้งตลาดในอเมริกาเหนือ Nissan Sentra หรือ Sylphy ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเห็นได้จากล่าสุดทาง Nissan ในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวรุ่น Nissan Sentra 2024 รุ่น Minorchange ปรับโฉมใหม่ออกมาสู่ตลาดอเมริกาเหนือ
สำหรับ Nissan Sentra เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในปัจจุบันรุ่นนี้ เป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 ถูกเปิดตัวออกมาเมื่อครั้งในงาน LA Auto Show 2019 เมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา
โดยในรุ่น Minorchange ปรับโฉมใหม่ล่าสุดนี้ จะได้รับการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย รวมทั้งชุดไฟหน้าใหม่ มาพร้อมเพิ่มออฟชั่น รววมทั้งเสริมทัพลุคสปอร์ตด้วยรุ่นชุดแต่ง SR

ในด้านงานตกแต่งรายละเอียดของ Nissan Sentra 2024 เวอร์ชั่นในอเนมริกาเหนือ นี้จะแตกต่างจาก Nissan Sentra สเปกเมืองจีนที่เปิดตัววางจำหน่ายไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในเมืองจีน
Sentra ใหม่สเปกอเมริกาเหนือ จะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยได้แก่ S, SV และรุ่น SR ลุคสปอร์ตที่เพิ่มเข้ามา
โดยทุกรุ่นย่อยจะมากับชุดด้านหน้าใหม่ เริ่มจากกระจังหน้าแบบ V-motion ที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง Nissan ได้รับการปรับปรุง และการออกแบบใหม่ โดยได้เหมือนกับในรุ่น Altima หรือในบ้านเราจะ้ชื่อว่า Teana และ Versa หรือในบ้านเราจะเรียกว่า Nissan Almera ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่นานมานี้ โดยตัวกระจังจะเน้นการตกแต่งด้วยชิ้นงานโครเมียม ส่วนด้านในจะเป็นแถบสีดำ พร้อมติดตราโลโก้นิสสันไว้ตรงกลาง
นอกจากนั้นในส่วนของชุดไฟหน้าก็ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ด้สนการล้อมกรอสีดำที่เพิ่มความสปอร์ตทากยิ่งขึ้น อีกทั้งในส่วนช่องรับลมที่กันชนที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดที่ดูบางกว่าเดิม มาพร้อมชุดไฟตัดหมอกที่ออกแบบให้เป็นเส้นแนวตั้ง อยู่ในกรอบสีดำด้านข้างกันชนหน้า
โดยในรุ่นย่อย SV จะได้รับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบใหม่ ในขณะที่รุ่น SR แบบสปอร์ตจะได้รับขอบขนาด 18 นิ้วที่ปรับปรุงใหม่ นอกจากนี้ กระจังหน้ายังตกแต่งด้วยโครเมียมสีเข้ม และสีเดียวกับตัวรถที่อยู่ด้านล่างกระจังหน้าช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับตรา SR สีแดงใหม่ที่ด้านหน้าและด้านหลัง
ขณะที่ด้านท้ายจะได้รับกันชนหลังใหม่ มาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์สีดำเงา และปลายท่อไอเสียออกข้างเดียว
ภายในห้องโดยสารทุกรุ่นย่อย แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัด ช่องแอร์ทรงกลมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Nissan Z มาพร้อมหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสที่วางแบบลอยตัว มีขนาด ขนาด 7 นิ้วในรุ่น S ส่วนในรุ่น SV ขึ้นไป จะมีขนาด 8 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ขณะที่แผงหน้าปัดแบบอะนาล็อกยังคงอยู่เช่นเดิม รวมถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
เบาะที่นั่งทรงสปอร์ตหุ้มด้วยหนังตกแต่งด้วยสีส้ม-แดงในรุ่น SR มาพร้อมฟังก์ชั่นระบบอุ่นเบาะ นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษ SV Premium ที่ลูกค้าจะได้รับ Intelligent Around View Monitor, ระบบเสียง Bose Premium พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
สำหรับในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะได้รับการแจ้งเตือนการชนด้านหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งยังได้รับ ถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินหากตรวจพบสิ่งกีดขวางและคนเดินเท้า, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง, ระบบเตือนการชนด้านหลัง, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมระบบสั่นเตือนที่พวงมาลัย, ระบบตรวจวัดลมยาง และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ส่วนในรุ่น SV และ SR จะเพิ่มฟังก์ชั่นกล้องมองรอบคัน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน l และระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนยังคงมากับเครื่องยนต์เบนซินเบนซฺน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 151 แรงม้า (PS) และแรงบิด 198 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ใหม่ ซึ่งถูกปรับปรุงใหม่ให้มีการปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลกว่าเดิท รวมทั้งออกแบบให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Nissan เตรียมส่งมอบ Sentra รุ่นปรับโฉมใหม่นี้ในตลาดอเมริกาเหนือ ช่วงเดือนกันยายนนี้ โโยคาดว่าจะประกาศราคาจำหน่ายออกมาพร้อม ๆ กันในวันที่ลงโชว์รูม