หลังจากที่ทาง Subaru ได้เปิดตัว Subaru Crosstrek ใหม่หรือที่รู้จักกันในชื่อเก่าว่า Subaru XV ได้ถูกเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุดทางบริษัทได้ประกาศเปิดตัวตลาดในญี่ปุ่น พร้อมกับข้อมูลจำเพาะโดยละเอียด และราคาจำหน่ายแล้ว โดยในเวอร์ชั่น JDM จะมาพร้อมชุดอุปกรณ์เสริมมากมาย และที่พิเศษคือจะเพิ่มในรุ่นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า FWD จากเดิมที่เป็นแบบ AWD หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยทั้งสองแบบ จะมาพร้อมกับขุมพลังแบบไฮบริด
Subaru Crosstrek หรือชื่อเดิมคือ Subaru XV โดยในเวอร์ชั่นนี้จะเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถครอสโอเวอร์สายลุยจากค่ายดาวลูกไก่ สำหรับชื่อรุ่น Subaru Crosstrek เดิมจะถูกใช้อยู่ในตลาดฝั่งอเมริกา ส่วนชื่อ Subaru XV นั้นจะถูกเรียกในฝั่งเอเซีย รวมถึงในบ้านเกิดที่ญี่ปุ่นด้วย แต่ล่าสุดเพื่อให้สอดคล้องและรู้จักกันทั่วโลกทาง Subaru จึงได้ปรับเปลี่ยนชื่อของ Subaru XV ให้กลายเป็น Subaru Crosstrek และวางจำหน่ายในชื่อนี่ทั่วโลก
สำหรับ Subaru Crosstrek ใหม่นี้ยังคงพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม Subaru Global Platform ที่มีการปรับปรุงเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถัง ในด้านมิติขนาดตัวรถมีความยาวอยู่ที่ 4,480 มม., กว้าง 1,800 มม., สูง 1,580 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,670 มม. ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เกือบจะเหมือนกับ Subaru XV ในเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมามีเพียงความยาวตัวรถเท่านั้นที่ยาวมากว่าเดิมโดยมีความยาวเพิ่มขึ้น 15 มม.
โดย Subaru Crosstrek สเปก JDM จะมากับเฉพาะระบบไฮบริด e-Boxer จับคู่เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรที่ให้กำลัง 143 แรงม้า (แรงบิด 188 นิวตันเมตร ทำงานผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เพิ่มกำลังอีก 13 แรงม้าแรงบิด 65 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium ขนาด 4.8 Ah
ที่สำคัญกว่านั้น Subaru Crosstrek สเปก JDM เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Crosstrek ที่จะมีการส่งกำลังไปยังล้อหน้า (FWD) หรือล้อทั้งสี่ (AWD) ผ่านกระปุกเกียร์ Lineatronic CVT
ในด้านงานการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกถูกปรับเปลี่ยนใหม่จากเวอร์ชั่นเดิมทีทั้งหมด เริ่มจากในส่วนด้านหน้ารถกระจังหน้าถูกดีไซน์ให้มาในแบบทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเชื่อมต่อกับชุดไฟหน้าแบบ LED เต็มรูปแบบ ที่มากับดีไซน์ที่เรียวบางดูโฉบเฉียว โดยในรุ่น Limited จะเป็นกระจังหน้าอะลูมิเนียม
นอกจากนั้นด้านข้างตัวรถยังปรับดีไซน์ให้มีความสปอร์ตและดูดุดันมากขึ้น โดยเฉพาะขอบซุ้มล้อที่ปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูมีมัดกล้ามที่บึกบึนขึ้น มาเพิ่มช่องระบายอากาศที่ซุ้มล้อหน้า รับกับล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ที่มีสำหรับในรุ่น Limited Limited ส่วนในรุ่น Touring จะเป็นขนาด 17 นิ้ว
ด้านท้ายรถติดตั้งชุดไฟท้าย LED รูปตัว C ที่ออกแบบให้มีขนาดเล็กกว่ารุ่นที่ผ่านมา อีกทั้งในส่วนประตูท้ายและกันชนหลังได้รับการดีไซน์ใหม่
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ โดยเด่นด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนท์ที่มาในแบบแนวตั้งขนาด 11.6 นิ้ว รองรับการเชื่อต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto รวมถึง SUBARU STARLINK เหมือนกับในตัว Levorg และ WRX S4 แต่ในขณะที่หน้าปัดแสดงข้อมูลยังคงเป็นแบบเดิมที่เป็นแบบแอนะล็อกขนาด 4.2 นิ้ว วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสามก้าน
ในส่วนเบาะนั่งจะหุ้มด้วยผ้าและหนังเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเงินมาพร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า และระบบความจำ เบาะนั้งตอนหลังปรับพับได้แบบ 60:40 นอกจากนั้นยังออกแบบเพิ่มพื้นผิวลายภูเขากันลื่นและกันรอยขีดข่วนที่แผ่นธรณีประตูด้านข้างและขอบประตุทางเข้าที่ประตูด้านท้าย
นอกจากนั้น Subaru Crosstrek ยังมีแพ็คเกจชุดอุปกรณ์เสริมตกแต่งเพิ่มเติมทั้งภายนอกและภายใน ที่ให้ลูกค้าเลือกตกแต่งเพิ่มเติม เริ่มจากแพ็คเกจ “Toughness” ที่จะทำให้เสริมลุครถครอสโอเวอร์ใหม่ นี้ให้เป็นสายลุยมากยิ่งขึ้นด้วย การชุดการ์ดปกป้องที่ฝากระโปรงหน้า, กระจังหน้า, ชุดไฟส่องสว่าง และประตู
นอกจากนั้นยังมีแพ็คเกจ “Utility” โดยจะได้รับการติดตั้งชุดไฟส่องสว่างที่ภายในรถ, ฝาปิดช่องเก็บสัมภาระด้านหลัง, ที่วางของท้ายรถ และช่องเก็บของเพิ่มเติม สุดท้ายยังได้รับชุดอุปกรณ์เสริมแบรนด์ STI ให้เลือกมากมาย เช่น ล้ออัลลอย,ท่อไอเสียคู่ที่ติดตั้งตรงกลาง และปีกหลังขนาดใหญ่
ด้านระบบความปลอดภัยมีการเพิ่มเติมกล้องมุมกว้าง (Wide-angle Mono Camera) เป็นส่วนหนึ่งของระบบ EyeSight เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมด้วยกล้องคู่ ที่สามารถตรวจจับวัตถุทั้งใกล้และไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไฟหน้าแบบ Full-LED ที่มีระบบส่องสว่างขณะเลี้ยว LED Cornering Lights ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของทางซูบารุที่ติดตั้งระบบนี้
Subaru Crosstrek เวอร์ชั่นญี่ปุ่น จะมีให้เลือก 2 เกรดคือรุ่น Touring และรุ่น Limited Limited โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 2,662,000 – 3,234,000 เยนหรือประมาณ 6.82 – 8.28 แสนบาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)