หลังจากที่ทาง Suzuki ได้เปิดตัว Suzuki Ertiga และ Suzuki Grand Vitara ที่มากับขุมพลังไฮบริด Suzuki Hybrid Smart Vehicle (SHVS) ออกมาแล้ว ล่าสุดทางซุซูกิในประเทศอินโดนิเซีย ได้ประกาศเปิดตัว Suzuki XL7 Hybrid Mini MPV 7 ที่นั่ง ขุมพลังไฮบริดเบนซิน 1.5 ลิตร ใหม่เหมือนกับรุ่นพี่ ๆ ที่ออกมาก่อนล่วงหน้า โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่นตือ HYBRID BETA และตัวท็อปสุด HYBRID ALPHA เปิดราคาจำหน่าย เริ่มที่ 293,900,000 รูเปียห์ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.58 แสนบาท
ในด้านรูปลักษณ์บุคลิกหน้าตาโดยรวมของ XL7 Hybrid จะแตกต่างจาก XL7 รุ่นเครื่องยนต์สันดาปเพียว ๆ เล็กน้อย จะมีเพียงปรับลุคให้ดูเข้มขึ้น และหล่อขึ้น
โดยเริ่มจากเปลี่ยนจากล้อสีเทา เป้นล้ออัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้ว กระจังหน้าเป็นสีดำทั้งชิ้น คิ้วโครเมียมด้านหลัง และเสาเสาอากาศแบบสั้นพร้อมติดตั้งโลโก้ Hybrid ที่ประตูบานท้าย
นอกจากนี้ในรุ่นตัวท็อปจะมาในแบบสีทูโทน อีกทั้งยังเพิ่มพร้อมกับเฉดสีใหม่สีเบจ Savanna Ivory ขณะที่ภายในก็จะมาในธีมสีใม่ด้วยเช่นกัน รวมทั้งยังตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้สีเข้ม
รวมทั้งยังมาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ใหม่ ๆ หลายรายการที่ถูกเพิ่มเข้าไปมาจากรุ่นเดิมได้แก่ ระบบสตาร์ท-สต็อปอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ชุดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อม ‘ไฟนำทาง’, กระจกพับเก็บอัตโนมัติ, กระจกมองข้างแบบ e-mirror (เฉพาะรุ่น Alpha ที่เป็นรุ่นท๊อป) และกระจกมองหลังจอดิจิทัล ขณธที่รุ่นเกียร์แมนนวลจะมีไฟแสดงการเปลี่ยนเกียร์ สำหรับโหมดขับขี่ Eco
ในด้านระบบความปลอดภัยจะได้รับมระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESP), ถุงลมนิรภัยคู่หน้า นอกจากนั้นระบบต่าง ๆ จะถูกยกมาจากตัวรุ่นปกติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบ ABS/EBD
สำหรับพละกำลังที่เป็นไฮไลท์ของ Suzuki XL7 Hybrid 2023 คันนี้จะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน K15B 1.5 ลิตร VVT พร้อมระบบไฮบริด SHVS ที่เป็นการมำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ISG และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) มาพร้อแมแรงบิด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังจะมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยทาง Suzuki อินโดนีเซีย รับประกันแบตเตอรี่มากถึง 8 ปีหรือ 160,000 กม. ซึ่งมากกว่าการรับประกันในรุ่น Ertiga Hybrid ถึง 2 ปี
ด้านราคาจำหน่ายของ Suzuki XL7 Hybrid ในรุ่น BETA ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 283.900.000 – 294.900.000 รูเปียห์ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.58 ถึง 6.83 แสนบาท ส่วนในรุ่นท็อป ALPHA จะมีราคาอยู่ที่ 293.900.000 – 304.900.000 รูเปียห์ หรือราว 6.81 – 7.06 แสนบาท
ส่วนในบ้านเราคาดว่าคงเตรีนมนำเข้ามาจำหน่ายในเร็ว ๆ วันนี้ ส่วนสเปค จะแตกต่างจากในอินโดนีเซียอย่างไร ต้องติดอตามกันให้ดี ซึ่งทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง