in ,

McLaren 750S ซูเปอร์พันธุ์ดุที่มีน้ำหนักเบา และแรงที่สุด กับขุมพลังระดับ 750 แรงม้า

McLaren 750S รถซูเปอร์พันธุ์ดุตัวใหม่ ที่มีน้ำหนักตัวที่เบา และแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา กับสมรรถนะเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้แรงม้าลงพื้นที่มากถึง 750 แรงม้า

McLaren 750S

McLaren ได้เปิดตัว New McLaren 750S รถซูเปอร์สายพันธุ์แรงในแบบโปรดักชั่น ที่เบา และทรงพลังที่สุดเท่าที่ McLaren เคยสร้างมา กับขุมพลังระดับ 750 แรงม้ามีให้เลือกทั้งรุ่น Coupe และเปิดประทุน Spider เคาะราคาจำหน่ายเริ่มที่ 324,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านบาท

McLaren 750S

McLaren 750S

สำหรับ McLaren 750S ใหม่นี้จะเข้ามาแทนที่ McLaren 720S ในด้านรูปลักษณ์หน้าตานั้นยังคงอิงกับบุคลิกของ 720S ตัวรถภายนอกมากับดีไซน์ที่เฉียบคมด้วยชิ้นส่วนแอโร่พาร์ทใหม่ เริ่มจาก กันชนหน้าที่มากับช่องดักอากาศแบบใหม่ที่ปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น มาพร้อมสปลิตเตอร์ด้านหน้าที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ช่วยในเรื่องอากาศพลศาสตร์ 

McLaren 750S

McLaren 750S

โดยจะทำงานผสานกับสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟใหม่ ที่ใหญ่ขึ้น 20% เพื่อพิ่มแรงกดที่ความเร็วสูง และทำหน้าที่เป็นระบบ DRS เพื่อลดการลากเมื่อเร่งความเร็ว นอกจากนี้ในส่วนด้านท้ายของตัวรถยังได้รับแรงบันดาลใจมาจาก McLaren P1 โดยได้รับการติดตั้งชุดท่อไอเสียออกกลาง อีกทั้งยังออกแบบตำแหน่งที่ติดตั้งงสปอยเลอร์ใหม่ให้สูงขึ้นอีก 2 นิ้ว 

McLaren 750S

McLaren 750S

ขณะที่กันชนหลังก็ได้รับการดีไซน์ใหม่ เสริมความโหดด้วยดิฟฟิวเซอร์ลายใหม่ พร้อมติดตั้งช่องระบายลมขนาดใหญ่บริเวณซุ้มล้อหลัง 

McLaren 750S

ในด้านขนาดมิติตัวถังของ McLaren 750S จะมีความยาว 4,569 มม., กว้าง 1,930 มม., สูง 1,196 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,670 มม.

McLaren 750S

McLaren 750S

ส่วนภายในห้องโดยสาร แผงคอนโซล และเบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยหนัง Alcantara แต่สามารถเลือกออปชัน ปรับเปลี่ยบนเป็นหนัง Nappa ได้ ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับหน้าจอเรือนไมล์ มาพร้อมจอ Head up Display

McLaren 750S

นอกจากนั้นยังหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่รองรับ Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ McLaren Control Launcher ใหม่ล่าสุด ที่จะสามารถตั้งค่าการทำงานของชุดแอโร่พาร์ท เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อนได้ตามต้องการ พร้อมกับได้รับชุดไฟ Ambient Lighting 

McLaren 750S

McLaren 750S

ด้านพละกำลังของ McLaren 750S ใหม่นี้ ยังคงมากับขุมพลังเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ แต่จะได้รับการปรับจูนใหม่ ทั้งแรงดันบูสท์, เปลี่ยนลูกสูบจาก 765LT ที่มีน้ำหนักเบากว่า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังด้วยชุดเกียร์คลัทช์คู่ SSG 7 สปีดที่ปรับปรุงใหม่ให้มีอัตราทดที่สั้นลง ส่งผลทำให้ McLaren 750S รีดกำลังแรงม้าออกมาได้มากถึง 750 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที ซึ่งเพิ่มจากรุ่น 720S ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ (720 แรงม้า และ 770 นิวตันเมตร) 

McLaren 750S

McLaren 750S

โดยทั้งรุ่น Coupe และ Spider สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 332 กม./ชม. นอกจากนี้ McLaren 750S ยังได้รับการติดตั้งชุดท่อไอเสียน้ำหนักเบา พร้อมปรับปรุงเสียงท่อไอเสียใหม่

McLaren 750S

สำหรับระบบช่วงล่างของของ McLaren 750S ก็ได้รับการปรับเซทใหม่เพื่อให้สามารถรองรับสมรรถนะที่ร้อนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเริื่องของการลดน้ำหนักตัวของ McLaren 750S อีกด้วย เริ่มจากขยายแทร็กล้อคู่หน้าให้กว้างขึ้น 6 มม. พร้อมติดตั้งชุดระบบกันสะเทือน PCC III รุ่นล่าสุด ทำให้มีสปริงด้านหน้าที่นุ่มขึ้น 3%  และสปริงด้านหลังที่แข็งขึ้น 4% อีกทั้งยังได้อัปเกรดระบบพวงมาลัยใหม่และปรับระบบยกเพลาหน้าใหม่เพื่อยกได้เร็วขึ้นถึงจากรุ่น 720S ที่ทำได้ 10 วินาที เหลือเพียง  4 วินาที เท่านั้น 

McLaren 750S

รวมถึงยังได้รับเบาะคาร์บอนไฟเบอร์รุ่นมาตรฐานที่เบากว่าเบาะรุ่น 720S ถึง 17.5 กก. และเป็นเบาะแบบยึดอยู่กับที่, ล้ออัลลอย 10 ก้าน ที่เบาเป็นพิเศษ ช่วยให้สามารถลดน้ำหนักลงได้อีก 13.8 กก. 

McLaren 750S

โดยน้ำหนักตัวโดยรวมของ McLaren 750S ในรุ่น Coupe จะอยู่ที่ 1,281 กก. ส่วนในรุ่นเปิดประทุน Spider จะมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,326 กก. มาพร้อมอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเฉลี่ย 579 แรงม้าต่อตัน 

McLaren 750S

ส่วนการวางตลาดทาง McLaren ยังไม่กำหนดเวลาจำหน่ายที่แน่ชัด เพียงแต่เผยว่า ในด้านราคาค่าตัวของ McLaren 750S รุ่น Coupe จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่  324,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านบาท ส่วนในรุ่นเปิดประทุน Spider จะมีราคาเริ่มต้นที่ราว 345,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 11.7 ล้านบาท (ราคาด้งกล่าวยังไม่รวมภาษีนำเข้าจากประเทศไทย) ซึ่งถ้าเคาะรวมทั้งหมดแล้วนำมาจำหน่ายในบ้านเราคงไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทเป็นแน่