หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าทางฮอนด้าประเทศไทย จะมีการนำเจ้า Honda Civic Type R (FL5) สปอร์ตแฮตช์แบ็กตัวแรงมาลงตลาดในไทยปลายปี 2565 นี้ ทางค่ายรถยักษ์ใหญ่ในไทยอย่างโตโยต้า ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการตลาดโดยตรงก็เตรียมขยับส่ Toyota GR Corolla แฮทช์แบ็คตัวแรงที่เปิดตัวในตลาดโลกเมื่อต้นปี ที่ผ่านมา ลงตลาดในปลายปีนี้เช่นกัน
วันนี้ที่ทางทีมงาน Autostation.com จะพาไปทำความรู้จักและรายละเอียดบางส่วนของ Toyota GR Corolla แฮทช์แบ็คตัวแรงในตระกูล GR series ว่ามีอะไรบ้าง ก่อนที่จะไปพบเจอตัวจริง ๆ ในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้
สำหรับ Toyota GR Corolla เป็นรถแฮทช์แบ็ครุ่นใหม่ตัวแรงในตระกูล GR series ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ 4 ในตระกูล GR series ที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Toyota Corolla ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบครหัส E210 ที่ทำตลาดหลักในอเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยเป็นคนละตัวกับ Corolla ในบ้านเรา
Toyota GR Corolla ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GA-C platform มีมิติความยาวขนาด 4,410 มม., กว้าง 1,850 มม.,สูง 1,455 มม., ระยะฐานล้อ 2,640 มม. และมีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,474 กก.
สำหรับ Toyota GR Corolla 2023 น้องใหม่ในตระกูล GR series ในตลาดโลกจะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น GR Corolla Core และรุ่น GR Corolla Circuit Edition รวมถึงรุ่นพิเศษ Toyota GR Corolla MORIZO Edition ที่ตามออกมาภายหลังโดยเป็นรุ่นพิเศษ ลดน้ำหนักลง ปรับเริ่มแรงบิด มีเพียง 200 คัน เท่านั้น
ในด้านรูปลักษณ์ภายนอกของ Toyota GR Corolla ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่จากในรุ่น Corolla Hatchback ที่อยู่ในอเมริกา ให้มีความดุดัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรถแรลลี่ในสนามแข่ง
กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ที่เป็นทรงเดียวกับตัว GR Yaris มาพร้อมโลโก้ GR ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED รูปตัว C ด้านข้างออกแบบให้มีโป่งซุ้มล้อที่ใหญ่ดูให้เหมือนมีมัดกล้าม รับกับล้ออัลลอยสีดำด้านขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4S ด้านในติดตั้งคาลิปเปอร์อะลูมิเนียมแบบ 4 พ็อต ด้านหลังเป็นคาลิปเปอร์อะลูมิเนียมแบบ 2 พ็อต
มาพร้อมกับสเกิร์ตข้างที่ปั้มตรา GR-Four ที่บ่งบอกว่าเป็นรถรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้านท้ายรถติดตั้งดิวฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ดีไซน์โหด เข้าชุดกับออกสามทางที่ซ้าย-ขวาเป็นปลายท่อทรงกลม ส่วนตรงกลางเป็นทรง 4 เหลี่ยม
ขณะที่ในรุ่น Circuit Edition จะได้รับฝากระโปรงหน้าแบบเจาะช่องระบายอากาศ หลังคาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ และปีกหลังขนาดใหญ่
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Ultrasuede และเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์าพร้อมระบบอุ่น พร้อมปักโลโก้ GR ไว้ที่ตัวเบาะ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมตีตรา GR ไว้ที่ด้านล่างพวงมาลัย ชุดแป้นคันแร่งและเบรกแบบอลูมิเนียม ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และระบบเสียง JBL พร้อมลำโพง 8 จุดรอบห้องโดยสาร
ในด้านสมรรถนะมาพร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ที่ให้กำลัง 300 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-FOUR with Limited Slip Differential ที่สามารถถ่ายทอดกำลังไปยังล้อคู่หน้าและหลังได้ตั้งแต่แบบ 50:50 ไปจนถึง 30:70 มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Normal, Sport และ Track
ช่วงล่างเน้นความสปอร์ตด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปแบบ Torsen ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Double Wishbone type Multilink
ด้านระบบความปลอดภัยมาพร้อมกับ Toyota Safety Sense 3.0 ที่ประกอบไปด้วย ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการออกนอกเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว, ระบบช่วยให้รถอยู๋ในเลน, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, ระบบไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, ระบบอ่านป้ายจราจร, ระบบเตือนเบาะหลัง,ระบบเตือนการจราจรทางด้านหลัง และระบบควบคุมการช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น
สีตัวถังภายนอกของ Toyota GR Corolla มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว White, สีแดง Supersonic Red, สีดำ Black และสีเทา Heavy Metal (เฉพาะรุ่น Circuit Edition)
สำหรับ Toyota GR Corolla นั้นจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงาน GR Factory ในเมืองโมโตยาชิ ประเทศญี่ปุ่น ส่วน ทาง โตโยต้าประเทศไทยจะนำรุ่นไหนเข้ามาจัดจำหน่าย และตั้งราคาอยู่ที่เท่าไหร่นั้น ต้องจับตาดูกันในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมจะเป็นอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะรีบนำเสนอทันทีที่ Toyota GR Corolla ถูกเปิดผ้าคลุมในตลาดเมืองไทย