สำหรับภายในบูธ Toyota นอกจากจะคราคร่ำไปด้วยรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ทั้ง Toyota LPG HEV Taxi Concept, Hilux REVO BEV Concept, Corolla Cross H2 Concept และ Toyota bZ4X เพื่อตอกย้ำความเป็นกลางทางคาร์บอน ของทางค่ายยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น
บนเวทีหลักยังได้จัดแสดงยานยนต์ตัวใหม่ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทางบูธโตโยต้า ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ นั่นก็คือการนำเจ้า Toyota Prius 2023 ใหม่ มาจัดแสดงครั้งแรกในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัววางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา และที่สำคัญยังเป็นการส่งสัญญาณว่า Prius อาจจะกลับเข้ามาทำในประเทศไทยอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปนานถึง 10 ปี นับตั้งแต่รุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดในบ้านเรานั้นจะเป็นในเจเนอเรชันที่ 3
โดย Toyota Prius 2023 ใหม่นี้มีลุ้นว่าจะเข้ามาวางจำหน่ายในไทยช่วงปลายปี 2566 นี้ โดยในช่วงแรกอาจจะเป็นการนำเข้ามาจำหน่ายทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่นในจำนวนจำกัด ส่วนในระยะยาวมีข่าวจากวงในเผยว่าอาจจะมีแผนการผลิตในบ้านเราต่อไป
Toyota Prius 2023 ที่นำมาจัดแสดงโชว์ที่ในงานมอเตอร์โชว์ในปี 2566 นี้ เป็นเวอร์ชั่นที่มีวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีสนนราคาจำหน่ายเริ่มที่ 6.9 แสนบาท
ซึ่ง All-new Toyota Prius 2023 ใหม่ (โตโยต้า พรีอุส) ใหม่ในตลาดญี่ปุ่นจะขุมพลังให้เลือกทั้งแบบปลั๊กอินไฮบริด PHEV และขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด ส่วรนเวอร์ชั่นที่ค่ดว่าจะนำมาขายในช่วงปลายปีนี้คงจะเป็นเพียงเครื่องยนต์ไฮบริดเท่านั้น
สำหรับ Toyota Prius 2023 ใหม่ จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางตัวถังแบบ Fastback เจนฯ ที่ 5 ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-C) เจนเนอเรชั่นที่ 2
ด้านการดีไซน์จะมาในรูปลักษณ์ที่ใหม่หมดทั้งด้านหน้า และด้านท้าย มาพร้อมเส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยว ตัวรถสร้างขึ้นจากรูปทรงโมโนฟอร์มของรุ่นก่อน แต่ปรับในส่วนของระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น ถึงแม้ว่าความยาวตัวรถจะสั่นกว่าเดิมก็ตาม นอกจากนั้นยังปรับความสูงของตัวรถให้เตี้ยลง เพื่อให้ตัวรถมีจุดศุนย์ถ่วงที่ต่ำ
งานออกแบบดีไซน์มีความคล้ายคลึงกับ Toyota Crawn ชุดไฟหน้า LED แบบ C-shaped ในส่วนกันชนหน้าติดตั้งช่องรับลมขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม
เส้นสายด้าานข้างตัวรถถูกออกแบบเน้นความเรียบง่าย ซุ้มล้อตกแต่งด้วยชิ้นงานสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยทูโทนปัดเงาขนาด 19 นิ้ว กระจกบานหน้าขนาดใหญ่ออกแบบให้มีความลาดเอียง สอดรับกับหลังคาที่โค้งมนพร้อมด้านท้ายที่มาในรูปแบบ Fastback นอกจากนั้นยังออกแบบมือเปิดประตูหลังให้ย้ายไปอยู่ที่เสา C ชุดไฟท้ายออกแบบให้พาดยาวเต็มพื้นที่ส่วนท้ายรถ พร้อมติดตรารุ่น Prius โดดเด่นที่ฝากระโปรงท้าย
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “island architecture” อ้างอิงจาก bZ4X ตกแต่งด้วยโทนสีดำ มาพร้อมหน้าจอมาตรวัดแบบดิจิตอล 7 นิ้ว และหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมกับติดตั้งชุดไฟ Ambient light เพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น มาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย
ในด้านขุมพลังที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นจะมีให้เลือกทั้ง
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid ให้กำลัง 140 แรงม้า
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Dynamic Force Hybrid ให้กำลัง193 แรงม้า
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Dynamic Force Plug-in Hybrid ให้กำลัง 223 แรงม้า
สำหรับระบบช่วงล่างของจะเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัทฟิลลิ่งสปอร์ตที่ด้านหน้า และติดตั้งปีกนกคู่ที่ด้านหลัง
ด้านระบบความปลอดภัยติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมกล้อง Monocular ที่ด้านหน้า และกล้องตวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ มาพร้อมระบบ Toyota Teammate หรือ ระบบช่วยจอด Advanced Park ที่สามารถควบคุมรถให้เข้า-ออก ช่องจอดได้อย่างสะดวกสบายผ่านรีโมท
สำหรับเวอร์ชั่นที่จะนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรานั้นยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำสเปกไหนเข้ามาจัดจำหน่าย แต่คาดว่าจะเป็นขุุมพลังไฮบริดเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดต้องรอดูกันในช่วงปลายปีนี้