ฮุนไดค่ายรถจากแดนกิมจิเกาหลีใต้ ได้เผยโฉม พร้อมเปิดรายละเอียดข้อมูล All New Hyundai SANTA FE 2024 รถเอสยูวีแบบ 3 แถว 6 ที่นั่งเจเนอเรชั่นที่ 5 อย่างเป็นทางการ ก่อนเริ่มวางจำหน่ายลงโชว์รูมทั่วโลกในช่วงต้นปี 2024 นี้
สำหรับ Hyundai SANTA FE 2024 จะมากับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในด้านมิติตัวรถ รวมทั้งรูปลักษณ์หน้าตา ซึ่งจะมากับภาษาออกแบบใหม่ ที่ผสานความแข็งแกร่ง กับความล้ำสมัย ให้เข้ากันอย่างลงตัว โดยทาง Hyundai เผยว่ารถคันนี้จะเป็นรถสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง
ในด้านงานออกแบบ จะมีดีไซน์ของตัวที่มาในรูปทรงกล่องที่ดูบึกบึน ชวนให้นึกถึงงานออกแบบของทาง Land Rover งานดีไซน์จะใส่รายละเอียดของตัวอักษร H ซึ่งหมายถึงชื่อของแบรนด์ โดยเริ่มจากชึดไฟหน้าแบบ H-shaped มาพร้อมกระจังหน้าสีดำ ที่คาดด้วยแถบไฟ LED เมื่อมองโดยรวมก็จะเป็นรูปตัว H
อีกทั้งที่ตัวกันชนหน้าก็มีการออกแบบให้เป็นตัวอักษร H ขนาดใหญ่ รวมถึงชุดไฟท้าย LED ก็มีลวยลายโคมที่เป็นตัว H ด้วยเช่นกัน
ขณะที่ด้านข้างตัวรถมากับเส้นสายที่คมชัด ด้วยงานออกแบบที่เน้นความแข็งแกร่ง ซุ้มล้อตีโป่งให้เป็นรูปทรงเหลี่ยม มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว หุ้มด้วยยางขนาด 245/45 R21
ในด้านขนาดมิติตัวรถจะถูกปรับให้มีขนาดที่ยาวกว่าในเจเนอเรชั่นที่ผ่านมา โดยมีความยาว 4,830 มม. เพิ่มขึ้น 46 มม. ส่วนความกว้างของตัวรถจะเท่าเดิมที่ 1,900 มม. ขณะที่ความสูงจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 10 มม. มาอยู่ที่ 1,720 มม. รวมถึงมีระยะฐานล้อก็ปรับใหม่ให้มีความยาว 2,815 มม. ซึ่งยาวกว่าเดิม 48 มม.
สำหรับภายในห้องโดยสารยังคงออกแบบให้มีดีเทลทรงเหลี่ยมเหมือนกับรูปทรงภายนอก มาพร้อมกับพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง
เบาะที่นั่งเป็นแบบ 3 แถว 6 และ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถว 2 เป็นแบบกัปตันซีท ที่สามารถเลื่อนด้วยไฟฟ้า นอกจากนั้นในส่วนเบาะนั่ง และหลังคายังบุและหุ้มด้วยเฉดสีสะอาดตา ช่วยให้ภายในรู้สึกกว้างขวาง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุชั้นดี อาทิวัสดุลายไม้ และวัสดุแบบซอฟทัชยังให้ความรู้สึกภายในห้องโดยสารที่หรูหรายิ่งขึ้น
นอกจากนี่ในส่วนเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ยังออกแบให้พับได้ราบเรียบ ที่จะให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางกว่ามากกว่าในรถระดับเดียวกัน นอกจากนั้นทางผู้ผลิตยังเผยว่า SANTA FE ใหม่นี้จะมากับระยะฐานล้อที่มีขนาดยาว และประตูท้ายที่กว้างขวางเป็นพิเศษ
เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยจะมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่เพิ่มขึ้น 91 ลิตร (จากรุ่นเดิม) โดยจะมีความจุอยู่ที่ 725 ลิตร และเมื่อปรับพับเบาะลงจะเพิ่มความจุที่มากถึง 1,275 ลิตร
แผงแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอทรงโค้งขนาด 12.3 นิ้ว ที่รวมแผงหน้าปัด และหน้าจออินโฟเทนเมนท์ไว้ในจอเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto และการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ over-the-air มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ทรงสาามก้าน พร้อมออกแบบทรงแอร์ให้เ้ป็นแถบแนวนอนวางยาวอยู่ใต้หน้าจอแสดงผล
ส่วนคอนโซลกลางออกแบบให้เชื่อมต่อกับคอนโซลหน้าแบบสะพาน โดยมีช่องเก็บของด้านล่าง อีกทั้งยังออกแบบให้มีพื้นที่ใหญ่โต โดยสามารถติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนได้พร้อมกันถึง 2 เครื่อง และวางขวดน้ำขนาดใหญ่ได้ 2 ช่อง มาพร้อมพอร์ต USB-C ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมถึงยังออกแบบให้มี พื้นที่จัดเก็บของ Bilateral Multi-Console สำหรับจัดเก็บของจุกจิกทั้งด้านหน้า และหลังอีกด้วย
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือดการขับขี่จะได้รับระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ,ระบบช่วยจำกัดความเร็วอัจฉริยะ, ระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนท้าย, ระบบเตือนการสิ่งกีดขวางด้านหน้า-หลัง, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบช่วยจอดรถระยะไกลอัจฉริยะ และระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารด้านหลัง เป็นต้น
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมีให้้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร NA และ เทอร์โบ, ขุมพลังไฮบริด 1.6 และ เครื่องยนต์ PHEV 1.6 ลิตร โดยในแต่ละภูมิภาคจะได้รับขุมพลังที่แตกต่างกันไป เริ่มจาก
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 281 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 422 นิวตันเมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ DCT 8 สปีต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 11.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. (จะมีเฉพาะในเกาหลีใต้ และอเมริกาเหนือ)
- เครื่องยนต์ไฮบริดเบนซิน 1.6 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 264 นิวตันเมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. (ในเกาหลีใต้ , ยุโรป)
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ PHEV ให้กำลัง 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 264 นิวตันเมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ e-CVT 6 สปีต ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.1 วินาที (จะมีเฉพาะในยุโรป)
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 246 นิวตันเมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 11.5 วินาที (ในภูมิภาคอื่นๆ)
อย่างไรก็ดีทาง Hyundai ยังไม่มีการประกาศราคาจำหน่ายออกมา เพียงแต่เผยว่าเตรียมส่งลงโชว์รูมวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2024