Denza แบรนด์รถยนต์หรูที่อยู่ในสังกัดของทาง BYD ได้เปิดราคา Pre-Sale ล่วงหน้าของ BYD Denza N9 เวอร์ชันขุมพลัง PHEV ให้ชาวจีนที่สนใจได้จับจองกันก่อนล่วงหน้า ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม นี้ โดยเปิดราคาล่วงหน้าไว้ที่ระหว่าง 450,000 – 550,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 2.11 – 2.58 ล้านบาท
สำหรับ Denza N9 จะเป็นรถยนต์นั่งในรูปแบบเอสยูวีหรู 7 ที่นั่ง โดยถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถเรือธงในระดับเดียวกันกับ Z9 และ Z9 GT โดยตัวรถนั้นจะถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม e3 เหมือนกัน ซึ่งรองรับฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ ของตัวรถ อาทิ การควบคุมการเลี้ยวอิสระที่ล้อหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบถุงลมเพื่อให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น โดยจะมีให้เลือกหทั้งเวอร์ชันไฟฟ้า 100% และ PHEV
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ตัวรถจะมาในรงที่ดูบึกบึน และเรือนร่างที่ใหญ่โต โดยจะความยาว 5,258 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,830 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 3,125 มม. โดยขนาดของรถอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างรุ่น PHEV และ EV ส่วนน้ำหนักของรถอยู่ที่ 3,130 – 3,245 กม
ด้านหน้าของตัวรถ จะมาในแบบโค้งมนนิด ติดตาโลโก้ของทาง Denza ไว้ตรงกลาง ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดไฟหน้า LED ที่มาในแบแยกส่วน ด้านบนจะเป็นชุดไฟส่องสว่าง ที่อยู่ในโคมแบบเรียว โดยมีไฟ DRL LED มาให้ 2 ชั้น โดยชิ้นแรกจะวางอยู่วางล่างในโคมเดียวกัน ส่วนอีกชุดจะวางแยกออกมาอยู่ด้านล่าง
พร้อมตกแต่งตัวกันชนหน้าด้วยแถบสีดำรูปตัว C ขนาดใหญ่ ส่วนตรงกลางชายช่างจะเป็นช่องดักลมที่มาในแบบแอคทีฟ ที่สามารถเปิด –ปิดได้ นอกจากนั้นในส่วนของหลังคาด้านหน้าตัวรถจะมาพร้อมกับ LiDAR ซึ่งหมายความว่ารถจะมาพร้อมความสามารถในการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง
ขณะที่เส้นสายด้านข้างตังถังจะมากับความเรียบหรู ดูภูมิฐาน ตกแต่งเสา B และ C ด้วยแถบสีดำ ทำให้หลังคาตังรถนั้นมาในแบบลอยตัว ยิ่งช่วยเสริมให้ตัวรถนั้นดูโปร่งสูงขึ้น ส่วนมือเปิดประตูด้านนอกนั้นจะเป็นแบบซ่อนที่ราบไปกับตัวรถ เติมความอลังการด้วยล้อออัลลอยสีดำที่มีขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้ว รัดด้วยยาง 275/45 R22 มาพร้อมคาลิปเปอร์สีเหลืองที่ด้านใน
ด้านหลังติดตั้งไฟท้าย LED แบบเรียวยาวที่วางเเกือบต็มความกว้างของรถ โดยมีตราโลโก้เดนซ่า คั้นไว้ตรงกลาง อีกทั้งยังเสริมความสปอร์ตด้วยมีสปอยเลอร์ปลายหลังคา ที่มาพร้อมกับไฟเบรกดวงที่สาม
ภายในห้องโดยสารของ Denza N9 จะมากับเบาะที่นั่งแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) โดยจะมีให้เลือก 2 โทนสีได้แก่สีขาว และสีน้ำตาล เบาะที่นั่งผู้ขับขี่จะเป็นแบบ Zero-Gravity มาพร้อมโหมดควีนไซส์ ส่วนเบาะแถวที่สองเป็นแบบ Captain Chair แยกจากกันมาพร้อมที่วางขา โดยแต่ละที่นั่งสามารถปรับไฟฟ้าได้ พร้อมระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และนวด พร้อมติดตั้งหน้าจอพื้นสำหรับควบคุมเบาะและเครื่องปรับอากาศ
มาพร้อมพื้นที่ท้ายรถขนาด 520 นิ้ว ซึ่งสามารถใส่กระเป๋าใส่ไม้กอล์ฟ กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว จำนวน 5 ใบ และเป้สะพายหลัง 5 ใบในแนวนอน
นอกจากนั้นผู้โดยสารด้านหลังยังจะได้รับหน้าจอแสดงความบันเทิงที่ติดตั้งไว้บนเพดาน และโต๊ะพับขนาดเล็กได้อีกด้วย รวมทั้งยังมีตู้เก็บของที่มาพร้อมฟังก์ชันทำความร้อน และความเย็น ที่อยู่ด้านหลังคอนโซลกลาง
แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งหน้าจอถึง 3 จอ ด้วยกันประกอบไฟด้วยหน้าจอควบคุมกลางที่วางแบบลอยขนาด 17.3 นิ้ว มาพร้อมแผงหน้าปัด LCD ขนาด 13.2 นิ้ว และหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 13.2 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิปหขนาด 4 นาโนเมตร นอกจากนี้ยังมีหน้า AR-HUD ขนาด 50 นิ้ว และหน้าจอสตรีมมิ่งสำหรับกระจกมองข้างแต่ละบาน
ขณะที่คอนโซลกลางมาพร้อมกับแผงชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 50W จำนวน 2 แผง, ช่องระบายอากาศสำหรับเครื่องปรับอากาศ และปุ่มควบคุมทางกายภาพด้านล่างช่องระบายอากาศ
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนในเวอร์ชัน ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยแบ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 kW (262 แรงม้า) ที่วางอยู่ด้านหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ที่อยู่ด้านหลัง โดยแต่ละตัวมีกำลัง 240 kW (321 แรงม้า) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2.0T ทีให้กำลัง 152 kW (204 แรงม้า) ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 230 กม./ชม.
จับคู่กับแบตเตอรี BYD Blade ขนาด 47 kWh ทำให้ตัวรถสามารถเดินทางโดยแบบใช้ไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกลกว่า 200 กม. และวิ่งครอบคลุมระยทางไกลถึง 1,300 กม. เมื่อน้ำมันเต็มถัง พร้อมกับแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็ม
ในด้าระบบความปลอดภับ และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมากับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง BAS 3.0+ “God’s Eye” B ของบีวายดี
BYD Denza N9 PHEV จะมีสีภายนอกมีให้เลือก 4 สีได้แก่ สีเขียว, สีเทา, สีดำ และสีบรอนซ์เงิน
สำหรับ Denza N9 PHEV ได้เปิดรับจองล่วงหน้า โดยทาง BYD ได้เปิดราคา Pre-Sale ไว้ระหว่าง 450,000 – 550,000 หยวน หรือราว ๆ 2.11 – 2.58 ล้านบาท ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนในรุ่นไฟฟ้า 100% ตามทยอยตามออกมาภายหลัง
ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมออกมา ทางทีมงาน จะรีบนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง