Denza แบรนด์รถยนต์หรูที่อยู่ในสังกัดของทาง BYD เปิดประกาศราคาจำหน่าย Denza N9 PHEV เอสยูวีหรูแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด โดยมีให้เลือก 2 รุ่น เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 389,800 – 449,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.81 แสนบาท – 2.09 ล้านบาท
สำหรับ Denza N9 PHEV ชูจุดเด่นเป็นรถ SUV ที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังมากถึง 912 แรงม้า ชุดแบตเตอรี่ BYD Blade ขนาด 47 kWh ที่วิ่งครอบคลุระยะทางไกลถึง 1,302 กม.
และยังเป็นรถรุ่นแรกของทางแบรนด์ที่ติดตั้งเทคโนโลยี e 3 “Yisanfang” ของ BYD ซึ่งรองรับระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ Crab Walk มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถเมื่อรถเกิดยางแตกขณะวิ่งด้วยความเร็ว 180 กม./ชม. และระบบ Tank Turn
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ตัวรถจะมาในรงที่ดูบึกบึน และเรือนร่างที่ใหญ่โต โดยจะความยาว 5,258 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,830 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 3,125 มม. ตัวรถจะมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 4.65 เมตร
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ด้านหน้าของตัวรถ จะมาในแบบโค้งมนนิด ติดตราโลโก้ของทาง Denza ไว้ตรงกลาง ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดไฟหน้า LED ที่มาในแบแยกส่วน ด้านบนจะเป็นชุดไฟส่องสว่าง ที่อยู่ในโคมแบบเรียว โดยมีไฟ DRL LED มาให้ 2 ชั้น โดยชิ้นแรกจะวางอยู่วางล่างในโคมเดียวกัน ส่วนอีกชุดจะวางแยกออกมาอยู่ด้านล่าง
พร้อมตกแต่งตัวกันชนหน้าด้วยแถบสีดำรูปตัว C ขนาดใหญ่ ส่วนตรงกลางชายช่างจะเป็นช่องดักลมที่มาในแบบแอคทีฟ ที่สามารถเปิด –ปิดได้ ขณะที่เส้นสายด้านข้างตังถังจะมากับความเรียบหรู ดูภูมิฐาน ตกแต่งเสา B และ C ด้วยแถบสีดำ ทำให้หลังคาตังรถนั้นมาในแบบลอยตัว ยิ่งช่วยเสริมให้ตัวรถนั้นดูโปร่งสูงขึ้น ส่วนมือเปิดประตูด้านนอกนั้นจะเป็นแบบซ่อนที่ราบไปกับตัวรถ เติมความอลังการด้วยล้อออัลลอยสีดำที่มีขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้ว รัดด้วยยาง 275/45 R22 มาพร้อมคาลิปเปอร์สีเหลืองที่ด้านใน
ด้านหลังติดตั้งไฟท้าย LED แบบเรียวยาวที่วางเเกือบต็มความกว้างของรถ โดยมีตราโลโก้ Denza คั้นไว้ตรงกลาง อีกทั้งยังเสริมความสปอร์ตด้วยมีสปอยเลอร์ปลายหลังคา ที่มาพร้อมกับไฟเบรกดวงที่สาม
นอกจากนี้สำหรับผู้ชื่นชอบโดรน ยังสามารถติดตั้งระบบโดรนติดรถอัจฉริยะ Lingyuan ที่พัฒนาโดย BYD และ DJI ได้อีกด้วย (เป็นออปชั่นเสริม)
ภายในห้องโดยสารของ Denza N9 จะมากับเบาะที่นั่งแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) โดยจะมีให้เลือก 2 โทนสีได้แก่สีขาว และสีน้ำตาล มาพร้อมงานออกแบบภายในที่เรียกว่า “666” ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 6 คน / กระเป๋าเดินทาง 6 ใบ (รวมกระเป๋าเดินทางขนาดมาตรฐาน 20 นิ้ว 4 ใบ และกระเป๋าลากสำหรับเด็ก 2 ใบ) และเป้สะพายหลัง 6 ใบ หรือกระเป๋าใส่ไม้กอล์ฟขนาด 47 นิ้วแบบแนวนอน นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของ 46 ช่องทั่วทั้งรถ
ในส่วนเบาะที่นั่งผู้ขับขี่จะเป็นแบบ Zero-Gravity มาพร้อมโหมดควีนไซส์ ส่วนเบาะแถวที่สองเป็นแบบ Captain Chair แยกจากกันมาพร้อมที่วางขา โดยแต่ละที่นั่งสามารถปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง พร้อมระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และนวด พร้อมติดตั้งหน้าจอพื้นสำหรับควบคุมเบาะ และเครื่องปรับอากาศ
นอกจากนั้นผู้โดยสารด้านหลังยังจะได้รับหน้าจอแสดงความบันเทิงที่ติดตั้งไว้บนเพดาน โต๊ะพับขนาดเล็ก และยังติตดั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังชาร์จถึง 50W รวมทั้งยังมีตู้เก็บของที่มาพร้อมฟังก์ชันทำความร้อน และความเย็นขนาด 11 ลิตร ที่อยู่ด้านหลังคอนโซลกลาง
ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 รองรับการปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มาพร้อมระบบทำความร้อน รวมทั้งยังมากับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาที่มาขนาดใหญ่ถึง 3.2 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 3 แถว
แผงแดชบอร์ดจะขับเคลื่อนด้วยระบบ DiLink 150 ของ BYD โดยจะประกอบไปด้วยหน้าจอถึง 3 จอ ด้วยกันได้แก่ หน้าจอควบคุมกลางที่วางแบบลอยขนาด 17.3 นิ้ว, แผงหน้าปัด LCD ขนาด 13.2 นิ้ว และหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่มีความคมชัดระดับ 2.5K ขนาด 13.2 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิปขนาด 4 นาโนเมตร นอกจากนี้ยังมีหน้า AR-HUD ขนาด 50 นิ้ว และหน้าจอสตรีมมิ่งสำหรับกระจกมองข้างแต่ละบาน
ขณะที่คอนโซลกลางมาพร้อมกับแผงชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 50W จำนวน 2 ตำแหน่ง, ช่องระบายอากาศสำหรับเครื่องปรับอากาศ และปุ่มควบคุมทางกายภาพด้านล่างช่องระบายอากาศ นอกจากนั้นยังได้รับระบบเสียง Devialet พร้อมลำโพง 26 ตัว หน้าจอเพดานด้านหลังขนาด 17.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อต่อกับสมารืตโฟนได้ มาพร้อมระบบผู้ช่วยเสียง AI และโหมดคาราโอเกะ
Denza N9 ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ e-Platform 3.0 ของ BYD ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว
โดยแบ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 kW (262 แรงม้า) ที่วางอยู่ด้านหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ที่อยู่ด้านหลัง โดยแต่ละตัวมีกำลัง 240 kW (321 แรงม้า) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2.0T ทีให้กำลัง 152 kW (204 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิด 325 นิวตันเมตร ตัวรถจะให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 3.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 230 กม./ชม.
จับคู่กับแบตเตอรี Blade ขนาด 47 kWh ทำให้ตัวรถสามารถเดินทางโดยแบบใช้ไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกลกว่า 202 กม. และวิ่งครอบคลุมระยทางไกลถึง 1,302 กม. เมื่อน้ำมันเต็มถัง พร้อมกับแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็ม
รองรับการชาร์จไฟปบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 30% – 80% ในเวลา 19 นาที และทางผู้ผลิตเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ที่ 6.3 ลิตร/100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
ในด้าระบบความปลอดภับ และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมากับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง God’s Eye” B (DiPilot 300) ของบีวายดี ซึ่งรองรับด้วยลิดาร์ 128 เส้น เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 14 ตัว โดยระบบดังกล่าวนี้จะรองรับระบบช่วยจอดอัตโนมัติในช่องจอดแนวตั้ง/ด้านข้าง/แนวทแยง,ระบบช่วยจอดระยะไกล,ระบบช่วยรักษาเลนฉุกเฉิน และระบบตรวจจับจุดบอด เป็นต้น
Denza N9 PHEV ที่เปิดตัวในจีนจะมีเฉดสีตังถังให้เลือก 4 สีได้แก่ สีเขียว, สีเทา, สีดำ และสีบรอนซ์เงิน