Yangwang แบรนด์ระดับไฮเอนด์ของ BYD ได้เปิดตัวรถประกาศราคาจำหน่าย Yangwang U7 ซีดานเรือธงรุ่นใหม่ โดยทาง บีวายดี เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 628,000 – 708,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 2.93 – 3.3 ล้านบาท มีให้เลือกทั้งแบบ 4 และ 5 ที่นั่ง รวมถึงมีทั้งรูปแบบรุ่น BEV และ PHEV มาพร้อมระบบกันสะเทือน DiSus-Z และระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง God’s Eye A
สำหรับ Yangwang U7 จะเป็นรถรุ่นที่ 3 ของทางแบรนด์ YangWang ที่ต่อมาจาก Yangwang U8 รถออฟโรด EREV ที่นำมาโชว์ตัววิ่งในน้ำลอยน้ำที่ในกิจกรรม BYD Lab ที่ถูกจัดขึ้นภายในงาน Motor Show 2025 และ BYD Yangwang U9 ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า 1,287 แรงม้า
Yangwang U7 จเป็นซีดานรุ่นเรือธงใหม่ โดยจะให้เลือกทั้งรุ่น 4 และ 5 ที่นั่ งรวมทั้งยังมีขุมพลังให้เลือก 2 รูปแบบทั้ง BEV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% และรุ่น PHEV
ในด้านงานออกดีไซน์ด้านหน้าจะมากับชุดไฟหน้ารูปตัว C เหมือนกับในตัว U9 แต่ในส่วนตัวรถจะนั้นจะดูพรียวแบนมากว่า กันชนหน้าสไตส์สปอร์ตที่เหมือนรถ Supercar มากกว่ารถซีดานขนาดใหญ่ มาพร้อมด้วยช่องดักลมขนาดใหญ่ และแนวฝากระโปรงที่ลาดเอียง โดยที่ด้านบนหลังคาด้านหน้า ติดตั้งเซ็นเซอร์ LiDAR จาก RoboSense อยู่บนหลังคา
เสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา มือเปิดประตูแบบราบเรียบไปกับตัวรถ
งานเส้นสายด้านข้างออกแบบให้มีรอยเว้าดูโฉบเฉี่ยว มือเปิดประตูเป็นแบบราบเรียบไปกับตัวรถ มาพร้อมล้ออัลลอยที่ออกแบบดีไซน์ให้ลดแรงทานอากาศ
ด้านหลังมากับชุดไฟท้ายที่วางพาดเต็มความกว้างของส่วนด้านหลังงรถ โดยมีตราโลโก้ Yangwang คั้นอยู่ระหว่างกลาง เติมความโหดด้วยดิฟฟิวเซอร์สีดำแบบสปอร์ต พร้อมเดนด้วยเส้นโครเทมียมที่ด้านล่าง ซึ่งงานออกแบบโดยรวมของ U7 ทาง Yangwang เผยว่าจะทำให้ตัวรถจะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำที่สุดในโลก เพียง 0.195 cd เท่านั้น
ในด้านขนาดมิติตัวรถของ Yangwang U7 ในรุ่น BEV จะมีความขนาดความยาว 5,265 มม. กว้าง 1,998 มม. สูง 1,517 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,160 มม.
ในขณะที่รุ่น PHEV จะกว้าง และยาวกว่าเล็กน้อย โดยมีความยาวของตัวรถอยู่ที่ 5,360 มม. กว้าง 2,000 มม. สุง 1,515 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 3,200 มม.
ภายในห้องโดยสารมากับแนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า “Star Ring Cockpit” ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Yangwang U8 ภายในจะถูกหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมตกแต่งด้วยวัสดคาร์บอนไฟเบอร์ และวัสดุที่เป็นไม้จริงที่อยู่บริเวณขอบประตูบานข้าง
BYD Yangwang U7 จะมีให้เลือกแบบ 4 ที่นั่ง และ 5 ที่นั่ง โดยในรุ่น 4 ที่นั่งเบาะนั่งด้านหลังแบบอิสระพร้อมที่พักขาแบบไฟฟ้า โดยจะมีแผงควบคุมคั้นอยู่ตรงกลางระหว่างตัวเบาะ อีกทั้งยังมีโต๊ะแบบพับเก็บได้ให้อีก 2 ตำแหน่ง
ในส่วนเบาะที่นั่งด้านหน้าปรับได้ถึง 20 ทิศทาง มาพร้อมระบบระบายอากาศ และระบบทำความร้อน รวมถึงระบบนวดด้วยหินร้อน รุ่น 4 ที่นั่งยังมีเบาะนั่งด้านหลังแบบอิสระพร้อมที่พักขาแบบไฟฟ้าอีกด้วย
ในส่วนของแผงแดชบอร์ดจะระกอบไปด้วย 3 หน้าจอหลัก ได้แก่ แผงหน้าปัด LCD ขนาด 23.6 นิ้ว ส่วนตรงกลางเป็นหน้าจอ หน้าจอ OLED โค้งขนาด 12.8 นิ้ว
ขับเคลื่อนด้วยระบบห้องนักบินอัจฉริยะ DiLink 150 รุ่นใหม่พร้อมชิปห้องนักบิน DiLink 4 นาโนเมตร และผสานกับรุ่น DeepSeek R1 เพื่อรองรับผู้ช่วยเสียง AI และหน้าจออินโฟนเทนเมนต์ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 23.6 นิ้ว นอกจากนั้นยังมีหน้สจอ AR-HUD ขนาด 70 นิ้ว ที่สะท้อนข้อมูลไปยังกระจกบังลมหน้า
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแสดงภาพจากกล้องที่กระจกมองข้าง รวมทั้งหน้าจออินโฟนเทนเมต์ที่วางอยุ่ด้านหลังเบาะคู่หน้าอีก 2 จอ ขนาด 12.8 นิ้ว มาพร้อมกระจกมองหลังแบบดิจิทัล, กล้องตรวจสอบผู้ขับขี่ และกล้องตรวจสอบห้องโดยสาร
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะมากับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนที่มีมาให้ 2 ตำแหน่ง ที่ให้กำลังไฟในการชาร์จ 50W โดยจะติดตั้งที่คอนโซลกลางซึ่งมีฝาเปิด-ปิดอยู่ด้านบน รวมทั้งติดตั้งตู้แช่เย็นไว้ที่ด้านล้างของที่เท้าแขนตรงกลางระหว่างเบาะคู่หลัง
อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่มีหน้าจอควบคุมแบบสัมผัส และระบบเสียงจากทาง Dynaudio พร้อมลำโพง Evidence Platinum จำนวน 23 ตัว
Yangwang U7 มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง God’s Eye A ซึ่งประกอบด้วยลิดาร์ระยะไกลพิเศษ 3 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว กล้องความละเอียดสูง 13 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว เพื่อให้ได้ความสามารถ L2+ โดยไม่ต้องพึ่งแผนที่ที่มีความแม่นยำสูง
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ BYD Yangwang U7 จะมีให้เลือกทั้งรูปแบบ BEV และ PHEV โดยทั้ง 2 รูปแบบจะถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม e 4
- รุ่น BEV มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกติดตั้งแต่ละล้อ แต่ละตัวมีกำลังอยู่ที่ 326 แรงม้า โดยจะให้พละกำลังรวม 960 kW (1,287 แรงม้า) แรงบิดรวม 1,680 นิวตันเมตร .SHอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 2.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม. จับคู่กับแบตเตอรี่ BYD Blade 135.5 kHw ชาร์จไฟเต็มให้ระยะทางวิ่งไกลสุด 720 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) รองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่ให้กำลังสูงสุด 500 kW ชาร์จไฟจาก 30% – 80% ในเวลาเพียง 20 นาที
- รุ่น PHEV จะประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ขนาด 2.0T ที่ถูกวางในแบบแนวนอน (หรือเรียกอีกอย่างว่าเครื่องยนต์บ็อกเซอร์หรือเครื่องยนต์แบบวางราบ) รุ่นแรกในรถยนต์ของจีน โดยจะทำงานร่วมกับมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร 4 ตัว โดยในส่วนเครื่องยนต์จะให้กำลังสูงสุด 200 kW (268 แรงม้า) ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แต่ละตัวให้กำลัง 260 kW (349 แรงม้า) หรือ 240 kW (322 แรงม้า) ทำให้มีกำลังมอเตอร์รวมกัน 1,000 kW (1,341 แรงม้า) ตัวรถจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 270 กม./ชม. มาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ BYD Blade ขนาด 52.4 kWh ความจุถังเชื้อเพลิงอยู่ที่ 60 ลิตร วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 200 กม. และเมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง พร้อมแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็ม จะวิ่งครอบคลุมระยะทางที่มากถึง 1,000 กม.. พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่ให้กำลังสูงสุด 230 kW ชาร์จไฟจาก 30% – 80% ในเวลาเพียง 10 นาที
โดยทั้ง 2 รูปแบบจะรองรับระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังอัจฉริยะแบบ 2 ทิศทาง 20°, การเคลื่อนที่ด้านข้างขนาน และระบบ TANK TURN ที่มีรัศมีวงเลี้ยวต่ำสุดคือ 4.85 เมตร
รวมทั้งยังมาพร้อมระบบกันสะเทือน DiSus-Z จะมาแทนที่โช้คอัพไฮดรอลิกแบบเดิมด้วยมอเตอร์กันสะเทือนแม่เหล็ก เมื่อใช้ร่วมกับแพลตฟอร์ม e 4 แล้วจะช่วยให้ Yangwang U7 รองรับความสามารถต่างๆ ได้เพิ่มเติมอาทิ ระบบควบคุมตัวรถในตอนเกินยงาระเบิดในช่วงย่านความเร็วสูง, ระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางในกรณีฉุกเฉิน และระบบปรับช่วงล่างเส้นทาง และพื้นสภาพถนน
นอกจากนั้นเมื่อตรวจพบว่าตัวรถเกิดยางแบน ระบบจะยกล้อที่ได้รับผลกระทบขึ้น ซึ่งจะทำให้ล้อที่เหลืออีก 3 ล้อ ก็สามารถขับเคลื่อนได้อิสระ ทำให้รถสามารถขับต่อไปด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. ได้นานถึง 30 กม.
สำหรับราคาจำหน่ายของ BYD Yangwang U7 จะแบ่งออกเป็น 4 เกรด เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 628,000 – 708,000 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 2.93 – 3.3 ล้านบาท