Li Auto แบรนด์ผู้ผลิตรถจากประเทศจีน เปิดตัววางจำหน่าย Li Auto Mega MPV ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทแล้วในจีน เคาะราคาจำหน่ายที่ 559,800 หยวน หรือประมาณ 2.83 ล้านบาท
ในด้านงานออกแบบจะมากับรูปทรงที่ลู่ลมมา พร้อมเส้นสายที่แปลกตา โดยภายนอกจะได้รับการออกแบบในสไตล์รถไฟความเร็วสูง หรือ Bullet Train หรือรถไฟหัวกระสุน
ด้านหน้ามาในแบบทรงหยดน้ำ หลังคาด้านท้ายแบบฟาสต์แบ็ค นอกจากนี้ยังเสริมแอโรไดนามิกให้กับรถด้วยรูปทรงที่ไหลลื่นมีเส้นสายยาวจากกันชนหน้าไปจนถึงกระจกหลังของรถ โดยทาง Li Auto เคลมว่า Li Auto Mega มีค่าสัมประสิทธิ์การลากของมันคือ 0.215Cd ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดารถ MPV ที่มีในท้องตลาดด้วยกัน
นอกจากนี้ยังเสริมความทันสมัยด้วยชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน โดยจะมีแถบไฟ LED ขนาดเล็กยาวเต็มความกว้างของรถใต้กระจังหน้า ในขณะที่ไฟส่องสว่างจะอยู่ที่กันชนหน้าของตัวรถ
เส้นสายด้านข้างเรียบหรูดูแพง มือเปิดประตูเป็นแบบราบเรียบไปกับตัวรถ มาพร้อมประตูบานสไลด์ทั้ง 2 ฝั่ง มาพร้อมบันได และราวจับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุ/เด็ก นอกจากนั้นยังดีไซน์ให้กระจกบานข้างที่บริเวณเสา C มีขนาดใหญ่ เพื่อสร้างวัสัยทัศน์การมองเห็นจากด้านในให้มีความชัดเจน มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วรัดด้วยยาง 245/60 R18
ด้านท้ายรถออกแบบเสา D และแนวหลังคา ถูกดีไซน์ให้เป็นชิ้นเดียวกัน เพื่อช่วยให้อากาศไหลเวียนออกจากตัวรถได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ชุดไฟท้ายนั้นจะออกแบบให้เป็นเส้นเรียวยาว วางเต็มพื้นที่ส่วนท้ายรถ
ในด้านมิติขนาดตัวรถจะมาในรูปแบบ MPV ขนาดใหญ่ โดยมีความยาวอยู่ที่ 5,350 มม., กว้าง 1,965 มม., สูง 1,850 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,300 มม.
จะมีให้เลือก 4 เฉดสีได้แก่สีเงิน Silver Metallic, สีเทา Gray Metallic, สีขาว Panda White Pearl และสีงาช้าง Elephant Gray Special Edition
ภายในห้องโดยสารของ Li Auto Mega จะรองรับ 7 ที่นั่ง เป็นแบบ 3 แถว (2+2+3) จะมีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีครีม และสีดำ เบาะหลังทั้งหมดมีพนักพิงศีรษะแบบนุ่มและมีที่วางแขนขนาดเล็กอยู่ตรงกลางของพนักพิงเบาะแถวที่ 3 เบาะทุกที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa ทั้งหมด
เบาะนั่งแถวที่ 1 และ 2 จะมากับฟังก์ชั่นนวด 16 จุด ขณะเบาะแถวที่ 2 จะเป็นแบบกัปตันซีท มาพร้อมที่รองขา และสามารถปรับพับแบนราบแบบเต็มที่
อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นทำความร้อน และระบายอากาศ โดยสามารถปรับระบบต่าง ๆ ได้ที่ปุ่มควบคุมที่อยู่บนที่เท้าแขน พร้อมทั้งเสริมความเอนกประสงค์ด้วยโต๊ะขนาดเล็ก และตู้เย็นที่อยู่หลังระหว่างเบาะคู่หน้า
ขณะที่พื้นที่เก็บของด้านท้ายจะมีความยาวอยู่ 680 มม. ถ้าปรับพับเบาะแถวที่ 3 ด้วยไฟฟ้า จะเพื่อความยาวตามยาวของพื้นที่เก็บของได้มากถึง 1,066 มม.
ในขณะที่แผงแดชบอร์ดด้านหน้าจะมากับดีไซน์ทีล้ำยุค พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 4 ก้าน โดยตรงกลางของวงพวงมาลัยจะติดตั้งแผงหน้าปัด LCD ขนาด 4.82 นิ้ว
มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 15.7 นิ้ว ที่ถูกต่อเชื่อมกับหน้าจอ ความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่มีขนาด 15.7 นิ้ว รองรับระบบ Snapdragon 8295P SoC จาก Qualcomm อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งจอ AR-HUD ขนาดใหญ่ ที่สะท้อนข้อมูลไปยังกระจกบังลมหน้า พร้อมทั้งยังสามารถฉายภาพจากกล้องมองข้างได้
อีกทั้งยังมากับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย 50W ที่มีให้ถึง 2 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังได้รับระบบปรับอากาศด้านหลังแบบหน้าจอสัมผัส, กระจกมองหลังอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้กรอบ, ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 21 ตำแหน่ง, จอ LCD สำหรับผู้โดยสารแถวขนาด 17 นิ้ว แบบพับเก็บได้ ปิดท้ายด้วยหลังคาแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ และมาพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า
ในด้านพละกำลังจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD โดยมอเตอร์ด้านหน้าให้กำลัง 155 kW หรือ 208 แรงม้า ด้านหลังให้กำลัง 245 kW หรือ 239 แรงม้า ให้กำลังรวม 544 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 542 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. อยู่ที่ 5.5 วินาที และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กม./ชม.
ส่วนชุดแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม Qilin 5C ternary NMC ของ CATL ที่มีความจุ 102.7 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางสูงุสด 710 กม./ชาร์จ (CLTC) ให้อัตราการใช้พลังงาน 15.9 kWh/100 กม. พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ขนาด 520 kW ที่ชาร์จไฟจาก 0% – 80% ในเวลา 10 นาที
ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี จะมากับระบบขับขี่อัตโนมัติ และติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ AD Max ที่ประกอบด้วยชิป Nvidia Orin-X 2 ตัวที่มีพลังการประมวลผลรวมกัน 508 TOPS นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ LiDAR จาก Hesai ที่ติดอยู่บนหลังคา, กล้อง 11 ตัว, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร, ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง รวมทั้งยังมาพร้อมโครงสร้างตัวรถที่ทนต้อแรงบิดได้มากถึง 44,000 นิวตันเมตร/องศา
อีกทั้งยังรองรับระบบการนำทางแบบเต็มสถานการณ์บนระบบ Autopilot (NOA) โดยจะสามารถขับได้เองบนถนนและทางหลวงในเมือง
ด้านระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแบบปีกนกคู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะมาในแบบ Five-Link มาพร้อมสปริงลมแบบห้องคู่ และแดมเปอร์ CDC ที่สามารถปรับได้ 70 มม.
Li Auto Mega ที่เปิดวางจำหน่ายในจีน จะมีรุ่นเดียว ราคาเดียวอยู่ที่ 559,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 2.83 ล้านบาท โดยจะออกมาเป็นคู่แข่งตัวใหม่ของทาง Hongqi HQ9, Zeekr 009, Voyah Dream และ Denza D9 สำหรับการส่งมอบ Li Auto Mega นั้นจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป
