เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทยผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายแบรนด์รถยนต์ LOTUS ได้เปิดตัว LOTUS ELETRE (โลตัส อีเลททร้า) ไฮเปอร์เอสยูวีไฟฟ้า 100% ในตลาดเมืองไทย โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่ายระหว่าง 5,890,000 – 6,590,000 บาท พร้อมส่งมอบรถได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เป็นต้นไป
ELETRE เป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ที่เกิดจากการหลอมรวมมรดกความเชี่ยวชาญอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นำจิตวิญญาณของสปอร์ตคาร์รุ่นล่าสุดอย่าง Emira มาผสานกับเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์อันล้ำสมัยของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% ในรุ่น Evija เพื่อสร้างสรรค์เป็นไฮเปอร์เอสยูวีรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด “เกิดในอังกฤษ ผงาดสู่ระดับโลก”
ในด้านงานดีไซน์ มาพร้อมกับระยะฐานล้อยาว และมีชิ้นส่วนยื่นออกนอกตัวรถน้อยที่สุด เพื่อสร้างภาพลักษณ์รถสปอร์ตน้ำหนักเบาที่สมบูรณ์แบบ ดีไซน์ด้านหน้าดูสวยโฉบเฉี่ยวด้วยไฟ LED กระจังหน้าแบบแอ็กทีฟ และระบบเซ็นเซอร์ LIDAR ที่ถูกวางตำแหน่งอย่างประณีตเช่นเดียวกับรถรุ่นคลาสสิกของโลตัสอย่าง Emira และ Evija
ส่วนโปรไฟล์ด้านข้างมีลักษณะโค้งมนตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมติดตั้งกระจกบังลมสูงและ “air blade” แบบพิเศษบนโครงสร้าง D-pillar มาพร้อมบ้ออัลลอยขึ้นรูปขนาด 23 นิ้ว แบบ 5 ก้านพร้อมเคลือบผิวแบบ Diamond-turned (รุ่นมาตรฐานในตลาดเมืองไทยจะใช้ล้อขนาด 22 นิ้วแบบ 5 ก้าน)
ดีไซน์ด้านหลังสวยงามด้วยแถบไฟที่ยาวตลอดความกว้างซึ่งจะเปลี่ยนสีเพื่อระบุสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ พร้อมด้วยสปอยเลอร์หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีรูปทรงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นจุดติดตั้งเซ็นเซอร์ LIDAR อีกตัวหนึ่งด้วย ด้วยการออกแบบอันล้ำสมัยของ ELETRE ส่งผลทำให้ตัวรถทีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอยู่ที่ 0.26
LOTUS ELETRE ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Electric Premium Architecture มาพร้อมโครงสร้างตัวถังที่เป็นอลูมิเนียม มีมิติตัวถังความยาว 5,103 มม. ความกว้าง 2,135 – 2,231 มม., ความสูงท 1,630 มม. และมีระยะฐานล้ออยู๋ที่ 3,019 มม.
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบดีไซน์ให้มากับความหรูหราล้ำสมัย ในส่วนค็อกพิตเป็นแบบระบบดิจิทัล แผงแดชบอร์ด หน้าจอแสดงข้อมูลดีไซน์ให้เป็นแถบเล็กเรียวยาวที่มียาว12.6 นิ้ว และมีความสูงเพียง 30 มม. มาพร้อมหน้าจอกลางแบบสัมผัสแบบ OLED ขนาด 15.1 นิ้ว ที่สามารถปรับมุมเอียงและพับให้ราบไปกับแนวคอนโซลได้ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมทั้งยังติดตั้งชิปเซ็ต Qualcomm อันทรงพลังและระบบปฏิบัติการ Lotus Hyper OS พร้อมระบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ 5G และการอัปเดตผ่าน OTA และยังได้รับการติดตั้งหน้าจอ HUD ขนาด 29 นิ้ว มาพร้อมระบบเครื่องเสียง KEF Premium Audio ขนาด 1,380W ลำโพง 15 ตำแหน่ง
นอกจากนั้นในรุ่น Eletre S ยังมาพร้อมกับกระจกเคลือบดำเพิ่มความเป็นส่วนตัว, สปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ, ระบบไฟตกแต่งในห้องโดยสารที่ตั้งค่าได้, กาบประตูเรืองแสง, ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ, ระบบเสียง KEF Reference 2,160W 23 ลำโพงล้อขึ้นรูปขนาด 22 นิ้วแบบ 10 ก้านในเฉดสีเทาพร้อมทำผิวแบบ Diamond-turned
ส่วนในรุ่น Eletre R จะได้รับการติดตั้ง Lotus Dynamic Handling Pack (ประกอบด้วย Intelligent Active Roll Control และ Active Rear Steering) แพ็กเกจชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ Carbon Pack, ยางสมรรถนะสูงรุ่น Pirelli P Zero และการเคลือบสีล้อโทนดำเงา มาพร้อมเพิ่มโหมดการขับขี่แบบที่ 6 คือ Track Mode สำหรับสนามแข่ง
ในด้านระบบความปลอดภัยมากับเซ็นเซอร์ 34 ตำแหน่ง และชิปเซ็ต NVIDIA Orin-X จำนวน 2 ตัว มาพร้อมระบบการขับขี่อัตโนมัติแบบ Level 4
ในด้านพละกำลังในรุ่น Eletre S จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ที่ให้กำลัง 603 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุ 112 kWh ชาร์จเต็มวิ่งได้ระยะสูงุสด 600 กม. ในขณะที่ Eletre R ให้กำลังสูงสุด 905 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 985 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ 490 กม. มาพร้อมระบบเทคโนโลยีการชาร์จ 800V ช่วยให้สามารถวิ่งได้ 120 กม. สำหรับการชาร์จเต็มภายในเวลาเพียง 20 นาที
สำหรับราคาจำหน่ายของ LOTUS ELETRE 2023 ในตลาดเมืองไทย
- รุ่น Eletre S จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5,890,000 บาท
- รุ่น Eletre R จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 6,590,000 บาท