Honda ยกทัพไลน์อัพ SUV ตระกูล V พิสูจน์สมรรถนะบนเส้นทางภูทับเบิก

แบรนด์รถยนต์ Honda จัดเป็นค่ายรถยนต์ที่มีไลน์อัพรถ SUV หรือรถอเนกประสงค์ อยู่ในสังกัดมากเป็นอันดับต้น ๆ ในตลาดเมืองไทย ในหลากหลายเซกเมนต์ไล่เรียงตั้งแต่พี่ใหญ่อย่าง Honda CR-V มาถึงพี่รองอย่าง Honda HR-V รวมถึงรถครอบครัวอย่าง Honda BR-V และน้องเล็กหน้าใหม่อย่างเจ้า Honda WR-V

และเพื่อแสดงความเป็นผู้นำด้านรถ SUV ทางฮอนด้า จึงได้จัดกิจกรรม “Honda SUV V Drive All Lives” พิสูจน์ประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจได้ของขุมพลังการขับเคลื่อนที่แตกต่าง ตลอดเส้นทางการใช้งานจริง โดยได้เชิญสื่ิอมวลชนเข้าร่วมในกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งทาง Honda ได้นำรถในไลน์อัปรถเอสยูวีทั้ง 4 รุ่น ในหลากหลายเซกเมนต์ อันได้แก่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี, ฮอนด้า บีอาร์-วี และ ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ มาใช้ในกิจกรรมทดลองขับครั้งนี้

โดยในการทดสอบทางฮอนด้าได้เลือกใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนที่จะขับขึ้นเทือกเขาเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าสู่บนภูทับเบิก รวมระยะไปกลับกว่า 840 กิโลเมตร ซึ่งในกิจกรรมการทดสอบจะเป็นอย่างไร การขับขี่รถในไลน์อัพรถ SUV ของทางฮอนด้ารุ่นไหนจะตอบโจทย์การเดินทาง ไปชนกันเลยครับ

สำหรับการทดสอบขับขี่ Honda SUV V Drive All Lives ทางทีมงาน Autostation.com ได้สัมผัสรถ SUV 2 รุ่นคือ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี และ ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี

ซึ่งการเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก วันแรกเราได้เข้า Honda HR-V e:HEV รุ่นย่อย RS เป็นพาหนะคู่ใจในการเดินทางสำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ในด้านรายละเอียดตัวรถ ถ้าอยากทราบข้อมูลโดยรวมทั้งหมด สามารถเข้าไปติดตามชมรายละเอียดได้ที่ → ชมคันจริง All-New Honda HR-V

สำหรับในช่วงการเดินทาง ในช่วงแรกที่ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่เพชรบูรณ์ ต้องบอกได้เลยว่าสัมผัสกับศักยภาพของขุมพลังได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ของ Honda HR-V e:HEV ที่เป็นการทำงานของระบบไฮบริด e:HEV ที่ผสานกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ส่งกำลังด้วย ระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ที่ให้กำลัง 131 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร

ตัวรถนั้นต้องบอกว่าเป็นรถที่ขับสนุก กดคันเร่งแล้ว รถแทบจะพุ่งตามเท้า ให้อารมณ์แบบเดียวกับการใช้รถไฟฟ้า พวงมาลัยก็ให้ความคม มีน้ำหนักเบาขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ และจะเพิ่มน้ำหนักตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยามเข้าโค้งก็นุ่มนวล เรียกได้ว่าควบคุมการขับขี่ได้ง่าย คล่องตัว ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง เพราะเทคโนโลยีด้านการขับขี่ และด้านความปลอดภัยก็จัดเต็มเป็นเลิศ ไม่ว่าจะเ้ป็นระบบ Honda LaneWatch ให้เรามองเห็นภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ที่ช่วยให้มั่นใจมากขึ้น

และสิ่งที่ดีงามอีกอย่างของ Honda HR-V จะอยู่ที่ระบบช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกแน่นหนึบ สามารถเก็บแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี ไม่มีอากการส่ายสะบัด ถึงแม้จะเข้าโค้งในช่วงความเร็วสูงก็ตาม

พอถึงช่วงที่ต้องเดินทางขึ้นเขาในเส้นทางลาดชัน และที่ทางที่คดโค้งไปมา ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ อย่าง ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) สามารถช่วยเหลือการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ที่ถือเป็นครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ที่ติดตั้งระบบนี้โดยควบคุมคันเร่ง และเบรก โดยระบบจะทำงานเพื่อช่วยควบคุมคันเร่ง และเบรก เพื่อรักษาความเร็วได้อย่างเหมาะสมเมื่อขับรถลงจากทางลาดชัน ซึ่งระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 20 กม./ชม. ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจ และสามารถช่วยให้ขับขึ้น- ลง ภูทับเบิกได้อย่างสบาย และปลอดภัย

ส่วนในช่วงขากลับนั้นเราได้สลับเปลี่บยนรถกับสมาชิกที่รวมทางกันไปกับกิจกรรมครั้งนี้ โดยได้ น้องเล็กสุดของไลน์อัพเอสยูวี ตระกูล V อย่างเจ้า Honda WR-V โดยในรุ่นที่ขับขี่กลับ กทม. นี้จะเป็นรุ่นย่อย RS ที่เป็นรุ่นท๊อป ที่มากับขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

สำหรับรายละเอียดตัวรถโดยรวมสามารถเข้าไปติดตามชมได้ที่ → Honda WR-V ใหม่ ครอสโอเวอร์ 5 ที่นั่ง

ในด้านการขับขี่ทางทีมงานได้เคยทดลองขับมาแล้วตอนเปิดตัวออกมาใหม่ ๆ โดยในครั้งนั้นจะใช้เส้นทางในเมืองที่มีสภาพการจารจรที่คับคั่ง และในคราวนี้จะได้ลองขับขี่บนเส้นทางบนเขาที่สลับกับโค้งไปมา รวมทั้งยังมีเส้นทางไฮเวย์ แบบถนนโล่ง ๆ ที่ได้แอบซัดแบบเต็ม ๆ

ในการขับขี่ Honda WR-V บนเส้นทางภูเขาที่มีโค้งสลับไปมาในช่วงขาลงของยอดภูทับเบิก ก็ต้องบอกว่าเป็นรถครอสโอเวอร์แบบ 5 ที่นั่งน้องเล็กใหม่นี้ สามารถขับขี่ได้ทุกเส้นทางจริง ๆ ถึงแม้ว่าตัวรถจะมีความสูงใต้ท้องรถถึง 220 มิลลิเมตร การขับขี่บนโค้งที่สลับไปมา ด้วยงานออกแบบช่วงล่างที่รองรับการขับขี่ได้หลากหลายโดยช่วงล่างด้านหน้าเป้นแบบ แม็กเฟอร์สันสตรัทอิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม H-shape ช่วยให้ตัวรถก็ไม่มีอาการโคงเคลงให้เห็น เก็บอาการได้ดีอีกทั้งยังสามารถซับแรงสะเทือนได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากนั้นด้วย การออกแบบรถให้มีตัวถังที่กว้างยังช่วยให้ ควบคุมรถง่ายดาย คล่องตัวรวมทั้งยังทีความสูงที่เทียบเคียงรถเอสยูวีของรุ่น พี่ ๆ จึงช่วยช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และการใช้งานหลากหลายสไตล์

ในด้านพละกำลังถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ต้องพอว่าเพียงการใช้งาน โดยเฉพาะในรถขนาดไซซ์ที่เล็ก การออกตัวจะมีอาการลากรอบ รวมถึงเวลากดคันเร่งเพื่อเร่งแซง ต้องรอรอบนิด ๆ แต่ก็ยังดีที่มี Paddle Shift เข้ามาช่วยเหลือทำให้การขับขี่สนุกมายิ่งขึ้น แต่เมื่อติดลมบนแล้ว ตัวรถสามารถพุ่งทยานไปได้แบบไม่น้อนหน้าพวกพี่ ๆ แที่เป็นขุมพลัง ไฮบริดเลย

สำหรับพวงมาลัยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คม และแม่นยำพอตัว ที่สำคัญมีน้ำหนักที่ดี ไม่หน้ก และเบาจนเกินไป นอกจากนั้นในเรื่องความปลอดภัยยังมาพร้อมกับระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ที่ช่วยสร้างความมั่นใจในระดับหนึ่งเลย

สรุป

สำหรับรถไลน์อัพ SUV ตระกูล V ของทางฮอนด้าในแต่ละเซกเมนต์นั้น ก็จะมีมีจุดเด่น และการใช้งานที่แตกต่างกันไป สำหรับใครที่ต้องการครถสปอร์ตพรีเมียม สมรรถนะการขับขี่ที่ตอบโจทย์ ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายพร้อมพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ อีกทั้งฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และครบครันด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยก็ต้อง มองไปที่ Honda CR-V

ส่วนใครที่ต้องการรถอเนกประสงค์ หรือรถยนต์ประเภท Crossover Utility Vehicle ที่มีดีไซน์ที่ล้ำสมัย ดึงดูดทุกสายตา และทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม อีกทั้งสเปซภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง อเนกประสงค์ รองรับทุกรูปแบบการใช้งาน พร้อมมอบพลังใหม่ในทุกการเดินทาง ก็ต้องเป็นเจ้า Honda HR-V

รวมถึงหากต้องการรถแบบ 7 ที่นั่งสพหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่มีราคาไม่แรง แต่อันแน่นด้วยฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงขุมพลังที่ทรงพลัง และนุ่มนวล เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ก็คงต้องเป็น Honda BR-V

และปิดท้ายหากต้องการรถเอสยูวีอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่ออกแบบเน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ในสไตล์เอสยูวี มาพร้อมออปชั่น และระบบความปลอดภัยเทียบเท่า กับพี่ ๆ ในค่าย ก็คงจ้องมองมาที่น้องเล็กอย่างเจ้า Honda WR-V

แต่สำหรับในเรื่องการเดินทางในกิจกรรม Honda SUV V Drive All Lives ครั้งนี้ที่พิสูจน์สมรรถนะบนเส้นทาง กรุงเทพ – เพชรบูรณ์ – ภูทับเบิก โดยรถในไลน์อัพเอสยูวีตระกูล V ของทางฮอนด้านั้น อย่างที่กล่าวไปรถแต่ละรุ่น แต่ละแบบก็จะมีจุดเด่น จุดดึ แต่ละคันที่แตกต่างกันไป แต่ทุกรุ่นทุกคันนั้นสามารถขับขี่ และพิชิตยอดภูทับเบิกได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดที่อยู่บนตัว ฮอนด้า ซีอาร์-วี หรือ ฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือจะเป็นเครื่องสันดาป 1.5 ลิตร ที่ติดตั้งบน ฮอนด้า บีอาร์-วี และ ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี

แต่การขับขี่นั้นจะพึ่งพาสมรรถนะตัวรถอย่างเดียวก็ไม่ได้ สิ่งที่ควรมี และต้องตระหนักอยู่เสมอในการขับขี่ทางไกล และขับขี่บนเส้นรทางคดเคี้ยวบนภูเขา นั้นก็ตือสมาธิ และการเตรียมร่างกายในพร้อม ง่วง เมาไม่ขับ แล้วคุณจะถึงเดินทางอย่างปลอดภัย

สำหรับราคาในไลน์อัพ Honda SUV