ต่อจากกรณีที่ทาง เอ็มจี กำหนดทิศทางแบรนด์ และกลยุทธ์การตลาดในประเทศไทย ปี 2025 ที่ภายในงาน “MG DEALER CONFERENCE 2025” โดยในงานนี้ทาง MG เตรียมพร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ไม่ต่ำกว่า 2 รุ่น ที่ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025
โดยหนึ่งใน 2 รุ่นของรถยนต์ไฟฟ้าที่ทางเอ็มจีเผยมานั้นคาดว่าน่าจะเป็น MG ES5 เอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่ล่าสุดเพิ่งเผยโฉม และข้อมูลในเมืองจีนเมื่อไมานานมานี้

และอีกรุ่นก็คาดว่าจะเป็น MG IM6 ที่เพิ่งนำเวอร์ชันพวงมาลัยขวามาจัดโชว์ตัวที่ในงาน Motor Expo 2024 เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา
สำหรับ MG ES5 นั้นคาดว่าจะเข้ามาทำตลาดแทนที่ MG ZS EV ในด้านงานออกแบบดีไซน์นั้นจะมากับภาพลักษณ์ใหม่ที่เน้นความโฉบเฉี่ยว โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาววัยทำงาน และกลุ่มลูกค้าที่กำลังจะเริ่มสร้างครอบครัว ตัวรถมาในรูปแบบเอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ด้านหน้า จะมาในแบบปิดทึบตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน 2 ชั้น ด้านบนจะเป็นไฟ DRL LED ที่เป็นกรอบทรงเรียวยาว โดยมีชุดไฟ LED วางเรียวต่อกัน 3 ดวง
ขณะที่ไฟส่องสว่างจะอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมคางหมูล่างถัดลงมา โดยจะมีช่องดักอากาศ ต่อเชื่อมอยู่ด้านล่าง นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับช่องดักอากาศคู่ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง เติมความสปอร์ต และดุดันด้วยชุดพาร์ทแต่งสีดำรอบตัวรถที่ชายด้านล่าง
เส้นสายด้านข้างตัวถังจะมีเส้นนำสายตาที่ลากยาวตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า ลากยาวไปจนถึงชุดไฟท้าย พร้อมตกแต่งชายประตูข้างด้สนแถบสีโครเมียม ขณะที่มือเปิดประตูมาในรูปแบบปกติที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ ตัดกับฝาครอบกระจกมองข้างที่เป็นสีดำมาพร้อมชุดไฟเลี้ยวในตัว
เพิ่มความหรูหราที่ขอบหน้าต่างบานข้างด้วยคิ้วโครเมียมที่ลากยาวตั้งแต่เสา A เลาะขึ้นไปตามขอบหน้าต่างไปจนถึงเสา C ด้านท้าย มาพร้อมล้ออัลลอยที่มีขนาดล้อให้เลือกตั้งแต่ 17 นิ้วและ 18 นิ้ว
ขณะที่ด้านบนหลังคายังงคมาพร้อมกับแล็คหลังคาที่เป็นสีโครเมียมเพื่อเสริมลุคให้เป็นรถสไตล์ครอสโอเวอร์ พร้อมกับรองรับใช้งานที่หลากหลาย ด้านท้ายจะมากับชุดไฟท้ายทรงตัว Y ที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ด้านหลัง โดยมีตราโลโก้ MG คั้นไว้ตรงกลาง
สำหรับขนาดมิติตัวรถจะมีความยาว 4,476 มม. กว้าง 1,849 มม. สูง 1,621 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,730 มม. รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,685.-1,740 กก. นอกจากนั้นตัวรถจะมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพื่อความสะดวกสบาย และคล่องตัวในการขับขี่ อีกทั้งยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเป็นพิเศษเพียง’ 530 มม. ช่วยทำให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น และยังมีการกระจายน้ำหนักที่เพลา 50-50
ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมงานออกแบบในสไตล์มินิมอลที่เน้นความเรียบหรู โดยสเปคที่เปิดตัวในจีนนั้นจะมีให้เลือกทั้งสีเบจ และโทนสีดำ มาพร้อมกับออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวาง โดยทางเอ็มจี เผยว่าจะมีพื้นที่ใช้งานที่มากถึง 4.24 ตารางเมตร
แผงแดชบอร์ดจะมากับหน้าจอแสดงข้อมูลแบบดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว ที่ถูกฝังไว้บนคอนโซลหน้า โดยมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape วางอยู่ด้านหน้า โดยมีชุดปรับเปลี่ยนเกียร์ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย มาพร้อมหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ที่มาในแบบลอยตัว มาพร้อมระบบอัจฉริยะ Zebra และระบบควบคุมรถยนต์ด้วยแอพระยะไกล
ขณะที่คอนโซลกลางออกแบบให้มีลักษณะที่ยาว เชื่อมต่อติดกับคอนโซลหน้า มาพร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายมาให้ถึง 2 ตำแหน่ง มาพร้อมที่วางแก้ว 2 ช่อง
ด้านเบาะที่นั่งจะรองรับได้ 5 ที่นั่งเบาะนั่งฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 4 – 6 ตัว (ขึ้่นอยู่แต่ละรุ่นย่อย) ระบบทำความร้อนที่กระจกหลัง, อุปกรณ์ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX, หลังคาซันรูฟ แบบ 2 ชั้น ที่กว้างเกือบเต็มพื้นที่ของหลังคา และประตูท้ายไฟฟ้า เป็นต้น
MG ES5 จะถูกสร้างขึ้นแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ที่มีชื่อว่า Modular Scalable Platform (MSP) เช่นเดียวกับรุ่น MG4
ในด้านพละกำลังจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่วางอยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 125 kW (168 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร โดยทาง MG เผยว่าตัวรถจะมีอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. อยู่ที่ 8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดทำได้ 170 กม./ชม.
จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่ทางเอ็มจีเคลมว่าจะมีความบางที่สุดในโลกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีความบางอยู่ที่เพียง 110 มม. มีความจุให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 49.1 kWh และ 62.2 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 425 / 515 และ 525 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) มาพร้อมระบบกำลังจ่ายไฟภายนอกสูงสุดของ V2L 6.6kWh ขณะที่ระบบช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแบบ McPherson ส่วนด้านหลังเป็น 5-Link
ราคาจำหน่ายของ MG ES5 ในตลาดเมืองจีนจะแบ่งออกเป็น 5 รุ่นย่อย ดังนี้
- MG ES5 425 Pro ราคา 116,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 5.47 แสนบาท
- MG ES5 425 Plus ราคา 126,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 5.94 แสนบาท
- MG ES5 515 Pro ราคา 126,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 5.94 แสนบาท
- MG ES5 515 Plus ราคา 136,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 6.41 แสนบาท
- MG ES5 525 Max ราคา 146,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 6.87 แสนบาท
ทั้งนี้ MG ES5 สเปคเมืองไทยจะเป็นอย่างไร และมีราคาอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้างคงต้องมารอลุ้นกัน ซึ่งคาดการณ์ว่าทางเอ็มจี ประเทศไทยจะเปิด ES5 ในบ้านเราช่วงเดือน มี.ค. นี้ ซึ่งอาจจะเป้นก่อน หรือภายใน Motor Show 2025 ก็เป็นไปได้
โดยหากมีความคืบหน้า และข้อมูลเพิ่มเติมออกมาอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ