NIO ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนเปิดตัว NIO ET5 Touring รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบสเตชั่นแวกอนคันแรกแบรนด์ โดยพัฒนาต่อยอดมาจาก ET5 รุ่นซีดานคูเป้ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ให้กำลังรวม 490 แรงม้า ส่วนแบตเตอรี่มีให้เลือก 2 ขนาด ชาร์จไฟเต็มไกล 680 กม. พร้อมวางจำหน่ายในจีน โดยเคาะราคาเริ่มที่ 298,000 หยวน หรือราว 1.44 ล้านบาท นอกจากนั้นยังพร้อมส่งไปวางขายในยุโรปทั้งที่ เยอรมนี เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ ในเร็ววันนี้
ในด้านงานดีไซน์ของ NIO ET5 Touring จะเหมือนกับ NIO ET5 โดยมีมิติตัวอยู่ที่ มีความยาว 4,790 มม. กว้าง 1,960 มม. และสูง 1,499 มม. ระยะฐานล้อ 2,888 มม. โดยเท่ากับในรุ่นซีดาน มากับการออกแบบที่เน้นเส้นสายโค้งมนไร้รอยต่อ ทำให้มีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว มากับการออกแบบที่เน้นเส้นสายโค้งมนไร้รอยต่อ ทำให้มีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว มาพร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานตัวรถที่ต่ำเพียง Cd0.25
อีกทั้งยังมีการออกแบบกระจายน้ำหนักที่สมบูรณ์แบบในสัดส่วน 50:50 ในขณะที่มั่นใจได้ถึงความเสถียรด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำ 499 มม.
ชุดไฟหน้าแบบแยกส่วนโดยด้านบนเป็นชุดไฟ DRL แบบ LED Double-Dash 3 มิติ พ่วงกับชุดไฟหน้าแบบ LED ดวงคู่บริเวณด้านล่าง พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ มาพร้อมเซ็นเซอร์ LiDAR ที่ด้านบนของหลังคา
ด้านข้างตัวรถออกแบบให้ดูเรียบง่าย มีชุดโป่งล้อสีดำรอบคัน มือจับประตูเป็นแบบราบเรียบไปกับตัวรถได้เหมือน NIO ทุกรุ่น กระจกแบบกันเสียง การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจริงหลังจากเสา B ซึ่งแนวหลังคาโค้งรับกับเสา D ก่อตัวเป็นรูปทรงตัวถังแบบสเตชั่นแวกอน จากด้านหลัง NIO ET5 Touring มีซุ้มล้อที่กว้าง ไฟท้าย illumiBlade ที่ดูโฉบเฉี่ยว ที่ปัดน้ำฝนขนาดเล็ก และสปอยเลอร์หลังคาทรงสปอร์ต
นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งราวหลังคาแนบสนิทเข้ากับตัวรถ ทำให้ปลอดภัย และง่ายต่อการยึดแร็คหรือกล่องหลังคา ด้วยรูปลักษณ์ที่ต่ำทำให้สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 75 กก.
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้เสมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นภายในบ้าน ลดการใช้ปุ่มสั่งการต่างๆ พร้อมดีไซน์ช่องแอร์ให้ซ่อนตัวไปกับแผงคอนโซล หรือที่เรียกว่า “ Invisible Smart Air Vents ” มาพร้อมระบบ PanoCinema แสดงภาพดิจิทัลแบบพาโนรามาเสมือนจริง ใช้เทคโนโลยี AR และ VR สามารถฉายภาพขนาดใหญ่ออกมาได้ถึง 201 นิ้ว หรือประมาณ 6 เมตร อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งไฟส่องส่ว่าง Ambient light 256 สี
แผงคอนโซลหนน้าติดตั้งแผงหน้าปัด LCD ขนาด 10.2 นิ้ว และหน้าจออินโฟรเทนเมนต์แบบแนวตั้งขนาด 12.8 นิ้ว นอกจากนั้นยังติดตั้ง NOMI ที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่อยู่บนคอนหน้า
มาพร้อมระระบบเสียงจาก Dolby Atmos รอบทิศทาง ระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1.4 มาพร้อมลำโพง 23 ตำแหน่ง หลังคากระจกขนาด 14.5 ตารางฟุตที่ป้องกันรังสี UV
คอนโซลกลางถูกเชื่อมต่อกับแผงคอนโซลหน้า มาพร้อมกับคันเกียร์แบบคันโยกเล็ก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง NIO โดยมีแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนวางอยู่ถัดลงมาด้านล่าง และที่วางแก้วสองใบ
สำหรับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายจะเพิ่มขึ้นจากในรุ่นซีดานคูเป้ 64 ลิตร โดยเพิ่มเป็น 450 ลิตร และเมื่อพับเบาะลงแถวหลังจะจะเพิ่มพื้นที่มากถึง 1,300 ลิตร เบาะที่นั่งแถวที่ 2 ของ ET5 Touring ปรับพับได้ 40-20-40 ในทางกลับกัน
ในด้านเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยติดตั้งระบบ NAD (ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ) ที่ช่วยให้ผู้ใช้ขับขี่บนทางหลวงและถนนในเมือง นอกจากนี้ยังสามารถจอดรถด้วยตนเองและแม้แต่ไปที่สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ Aquila ซึ่งเป็นระบบการรับรู้ที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์มากถึง 33 ตัว รวมถึง LiDAR, กล้องความละเอียดสูง 8 ตัว, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 ตัว, ระบบตรวจสอบคนขับ 1 ตัว, เรดาร์คลื่น 5 มม, เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และหน่วยระบุตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูง 2 ชุด คือ V2X และ ADMS โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลแบบ Real time ด้วยชิป NVIDIA รุ่นใหม่ 4 ตัวสำหรับพลังการประมวลผลรวม 1,016 TOPS ส่วนระบบในรถเป็น Banyan 2.0
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ โดยที่เพลาคู่หน้ามีกำลัง 150kW กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า ส่วนมอเตอร์คู่หลังให้กำลัง 210 kW หรือ 286 แรงม้า โดยเมื่อทำงานพร้อมกันจะให้กำลังรวม 490 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4 วินาที
ด้านชุดแบตเตอรี่จะมีให้เลือก 2 ขนาดความจุคือ แบตเตอรี่แบบไฮบริด (NMC-LFP) ขนาด 75 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ 435 กม. และแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ที่ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 680 กม. ตามมาตรฐาน CLTC นอกจากนี้ยังมี แบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตตขนาด 150 kWh ที่จะตามออกมในเดือนหน้า โดยชุดแบตเตอรี่ทั้งหมดของทาง NIO สามารถถอดเปลี่ยนได้
สำหรับราคาจำหน่ายของ NIO ET5 Touring ที่มีวางจำหน่ายในจีนเปิดราคาระหว่าง 298,000 – 356,000 หยวน หรือประมาณ 1.44 – 1.73 ล้านบาท ส่วนในตลาดยุโรปจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2023 หรือต้นปี 2024 นี้
