in , ,

Porsche Taycan Turbo GT รถยนต์ไฟฟ้า 1,108 แรงม้า แรงที่สุดเท่าที่มีมาของปอร์เช่

Porsche Taycan Turbo GT สปอร์ตซีดานไฟฟ้ารุ่นเรือธงใหม่ ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของทางปอร์เช่ ด้วยพละกำลังที่มากถึง 1,108 แรงม้า พร้อมลงโชว์รูมช่วงฤดูร้อนปี 2024 นี้ คาดเปิดราคาจำหน่ายเริ่มที่ 230,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.2 ล้านบาท

Porsche Taycan Turbo GT

หลังจากที่ทางปอร์เช่ ได้เปิดตัวรถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นแรกอย่าง Porsche Taycan ออกมาเมื่อปี 2019 ล่าสุดทาง Porsche ก็ได้สานต่อความแรงด้วย Porsche Taycan Turbo GT ที่ถือว่าเป็นรถโปรดักชั่นคาร์ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทางแบรนด์ ที่มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วน ที่รีดกำลังแรงม้าออกมาได้มากถึง, 1,108 แรงม้า (PS)

Porsche Taycan Turbo GT

อีกทั้งยังการันตีความแรง ด้วยการครองสถิติทำเวลาต่อรอบสนาม Weathertech Raceway Laguna Seca ด้วยเวลา 1:27.87 นาที นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูผปแบบโปรดักชั่นคาร์ที่ทำเวลาได้เร็วสุดในสนามนี้ 

Porsche Taycan Turbo GT

Porsche Taycan Turbo GT

โดยความดีงามทั้งหมดของ Porsche Taycan Turbo GT เกิดขึ้นจากทางทีมวิศกรของ Porsche ได้ยกชุดมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ของ Taycan Turbo S มาไว้บน Taycan Turbo GT พร้อมกับทำการปรับปรุงใหม่ให้โดยเฉพาะในส่วนของมอเตอร์คู่หลังที่ จะถูกควบคุมโดยพัลส์อินเวอร์เตอร์ โดยใช้ซิลิคอนคาร์ไบด์เป็นวัสดุเซมิคอนดักเตอร์  นอกจากนี้ยังปรับปรุงอัตราทดของเกียร์ ส่งผลทำให้ททรงพลัง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

Porsche Taycan Turbo GT

Porsche Taycan Turbo GT

ทำให้ Taycan Turbo GT ผลิตกำลังรวมได้สูงถึง 789 แรงม้า (PS) และเมื่อเปิดใช้งานระบบ Launch Control จะช่วยรีดกำลังขึ้นไปถึง 1,033 แรงม้า (PS) และสูงสุดที่ 1,108 แรงม้า (PS) เป็นเวลา 2 วินาที อีกทั้งยังมาพร้อมกับแรงบิดที่มากถึง 1,340 นิวตันเมตร ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ทำให้ Taycan Turbo GT เป็นรถโปรดักชั่นที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันของ Porsche และยังเหนือกว่า Taycan รุ่นอื่นๆ แม้กระทั่ง 918 Spyder ที่รุ่นเครื่องยนรต์สันดาปอีกด้วย

Porsche Taycan Turbo GT

นอกจากนี้ทาง Porsche ยังเปิดเผย สปอร์ตซีดานไฟฟ้ารุ่นเรือธงใหม่ นี้ยังสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 2.2 วินาที ขณะที่ในรุ่นแพ็คเกจ Weissach สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 2.1 วินาที ส่วนวคามเร็วสูงุสดของอสูรกายไฟฟ้าคันนี้จะอยู่ที่ 306 กม./ชม.

Porsche Taycan Turbo GT

ไฮไลท์อีกอย่างคือ Attack Mode ซึ่งจะปลดล็อกกำลังพิเศษ 160 แรงม้า เป็นเวลา 10 วินาที ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนักแข่ง Formula E แม้ว่า Taycan รุ่นมาตรฐานจะมีฟังก์ชัน push-to-pass อยู่แล้ว แต่ Attack Mode จะให้พลังขับเคลื่อนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และเปิดใช้งานและปิดใช้งานได้ง่ายขึ้นโดยใช้ผ่านแป้น Paddle shift ที่อยู่ทางด้านขวามือ

Porsche Taycan Turbo GT

Porsche Taycan Turbo GT

Porsche Taycan Turbo GT

ซึ่งนอกจากการปรับเซทของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำให้ Taycan Turbo GT มีความร้อนแรงมากขึ้น ในด้านวิศกรรมของตัวรถก็ได้รับการปรับเสริมเพิ่มเติมจากรุ่นมาตรฐานด้วย โดยเริ่มจากชุดแต่งรอบคันที่ออกแบบใหม่ โดยในส่วนที่ดูโดดเด่นจะเป็นสปอยเลอร์หลังแบบปรับได้ ที่มาพร้อมแอโรเบลดในตัวรวมทั้งในส่วนของดิฟฟิวเซอร์ก็มีที่ลักษณะคล้ายกัน เมื่อผสมผสานกับองค์ประกอบทั้งหมด และแพ็คเกจ Weissach จะช่วยสร้างแรงกดได้รวม 220 กก.

Porsche Taycan Turbo GT

นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่เสา B ซึ่งเข้าชุดกับสเกิร์ตข้างและฝาครอบกระจกมองข้าง รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งล้อฟอร์จน้ำหนักเบาใหม่ ที่มีขนาด 21 นิ้ว มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีทอง Victory Gold

Porsche Taycan Turbo GT

สำหรับภายในห้องโดยสารของ Porsche Taycan Turbo GT ภายใน Porsche เลือกใช้เบาะ Race-Tex หุ้มทด้วยหนังสีดำ โดยตัวเบาะปรับได้ 18 ทิศทาง อีกทั้งยังตีตราสัญลักษณ์ Turbo GT ไว้ที่บนพนักพิงศีรษะ และคอนโซลกลาง นอกจากนั้นยังได้รับพวงมาลัย GT Sport ขณะที่เฉโสีภายในจะมาในธีมสีเข้ม โดยสามารถเลือกตกแต่งด้วยโทนสีที่ตัดกันด้วยสีฟ้า Volt Blue หรือ GT Silver 

Porsche Taycan Turbo GT

ส่วนในเวอร์ชันแพ็คเกจ Weissach Package จะเป็นเวอร์ชั่นแบบตัวแข่งในสนาม ที่จะทำการลดน้ำหนักตัวรถลงด้วยการ ถอกเบาะหลังออก แล้วแทนที่ด้วยแผงกั้นคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นรถ 2 ที่นั่ง  อีกทั้งยังถอดในส่วนของลำโพงหลัง, นาฬิกาะนาล็อกในแดชบอร์ด และพรมปูพื้น ส่งผลทำให้มีน้ำหนักลกลงไป 70 กก. 

Porsche Taycan Turbo GT

สำหรับ Porsche Taycan Turbo GT รถยนต์ไฟฟ้าเรือธงตัวแรงรุ่นใหม่นี้ คาดว่าจะเริ่มส่งมอลรถได้ในช่วงฤดูร้อนปี 2024 โดยจะประเดิมในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก ขณะที่สนนราคามีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่อยู่ที่ประมาณ 230,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยจะตกอยู่ที่ราว ๆ 8.2 ล้านบาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าจากไทย)