Renault ผู้ผลิตรถยนตืจากประเทศฝรั่งเศส ได้เผยโฉมรถ Renault 4Ever Trophy Concept รถยนต์ต้นแบบไฟฟ้าที่มาในรูปแบบเอสยูวี ในสไตล์บึกบึนแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมพัฒนาให้กลายเป็นรถเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงในตลาดยุโรปปี 2025 ที่จะถึงนี้
Renault 4ever Trophy Concept รถยนต์ต้นแบบไฟฟ้าตัวใหม่นี้มาในรูปทรงขนาดกะทัดรัด ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน CMF-BEV Platform สำหรับรถ EV โดยเฉพาะ
ตัวรถในรูปแบบรถเอสยูวีสายลุย บอดี้ที่ดูยกสูงโดยมีระยะห่างจากพื้นที่สูง 200 มิลลิเมตร ตัวรถมาใน สีเทาด้าน Gun Metal Silver กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมสีดำ มาพร้อมชุดไฟกราฟฟิกที่เป็นโลโก้ Renault อยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยไฟไฟหน้า LED ทรงเหลี่ยม ฝากระโปรงหน้าเจาะช่องระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนให้กับแผงหม้อน้ำสำหรับชุดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า กันชนหน้าทรงเหลี่ยมสีดำพร้อมตกแต่งที่ตัวกันชนด้วยเส้นสีม่วง อีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งใต้ท้องรถเพื่อป้องกันแบตเตอรี
ด้านข้างตัวรถมากับกาบข้างขนาดใหญ่สีดำ ซุ้มล้อสีดำทรงเหลี่ยม มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 255/55 R19 มาพร้อมคอมเพรสเซอร์ในตัว ซึ่งจะเปลี่ยนแรงดันอากาศของยางออฟโรดได้ตามต้องการ มือเปิดประตูเป็นแบราบเรียบไปกับตัวรถ, กระจกมองข้างแบบกล้อง, พร้อมออกแบบกระจกที่เสา C ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ดีไซน์หลังด้านท้ายให้ลาดเอียงเล็กน้อยสอดรับกับสปอยเลอร์หลังคาอย่างลงตัว พร้อมติดตั้งแล็คหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ที่วางยางอะไหล่อยู่ด้านบนพร้อมถูกรัดด้วยสายรัดสีม่วง
ขณะที่ด้านท้ายจะมากับชุดไฟท้าย LED แนวตั้งทรงรี พร้อมติดตั้งแผ่นรองล้อไว้สำหรับปีบขึ้นตอนติดหล่ม มาพร้อมพลั้วขุดดินที่ล๊อกไว้อยู่ที่กระจกหลัง น่าเสียดายที่ทางผู้ผลิตไม่ได้เปิดเผยภาพภายในห้องโดยสารของ 4ever Trophy concept ออกมา
ในด้านชุดขุมพลังของ Renault 4Ever Trophy Concept ทางผู้ผลิตรถยนต์เมืองน้ำหอมเผยว่าติดตั้ง มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว ไว้ที่คู่ล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9 วินาที
มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 42 kWh ติดตั้งระหว่างเพลาล้อคู่หน้า-หลัง เพื่อการกระจายน้ำหนักที่เยี่ยมยอด ให้ระยะทางสูงสุดกว่า 402 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง
สำหรับในด้านมิติตัรถของ Renault 4Ever Trophy Concept มีความยาว 4,160 มม., กว้าง 1,950 มม., สูง 1,900 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,570 มม.
สำหรับ Renault 4Ever Trophy Concept จะถูกพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นเวอร์ชั่นจำหน่ายจริง ในปี 2025 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ส่วนจะสวยหรือเหมือนกับตัวต้นแบบอย่างไร คงต้องรอกันยาวนิดนึง