in , , ,

รีวิว Nissan Terra 2021 ขับก็ดี ราคาก็โดน อ็อพชั่นก็โคตรเยอะ แต่ทำไมขายไม่ดี?

รถอเนกประสงค์ PPV ถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์ของค่ายรถในบ้านเราเลยก็ว่าได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการทำตลาดอยู่เพียงแค่ 5 แบรนด์ แต่ทุกแบรนด์นั้นยกให้รถ PPV อยู่ในระดับเรือธง ซึ่งจะคอยเป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ไปสู่โมเดลอื่นๆ

แม้ว่าคู่แข่งจะมีไม่มาก แต่การแข่งขันในตลาดกลุ่มนี้ถือว่ามหาศาล ซึ่งหากแบรนด์ไหนสามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ ก็มักจะขายดีแบบติดลมบน ทั้งๆ ที่เมื่อพิจารณาดูที่ตัวผลิตภัณฑ์แล้ว บางครั้งอาจด้อยกว่าในหลายๆ จุดเสียด้วยซ้ำไป

โดยวันนี้ ทีมงาน Autostation.com จะพาทุกท่านไปเจาะลึก และรีวิว PPV ที่ได้ชื่อว่าเป็นม้ามืดที่น่าสนใจอย่าง Nissan Terra 2021 (โฉม Minorchange) ที่มาพร้อมอ็อพชั่น และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดเต็มที่สุดในคลาส ในราคาสุดคุ้มค่า แต่ทว่ากลับขายไม่ดี!!

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Nissan Terra ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนตัวผู้เขียนเองมองว่า Nissan เข้ามาร่วมศึกในกลุ่ม PPV ช้าไป เพราะกว่าที่ Nissan จะตัดสินใจพัฒนารถ PPV มาขายได้ เพื่อนๆ ก็กวาดยอดขายกันไปเป็นกอบเป็นกำ

จึงทำให้เกิดเป็นฐานลูกค้า และสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์นั้นๆ พอถึงเวลาที่มีการปรับโมเดลใหม่ก็มักจะได้กลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกระบอกเสียงให้ ส่วน Nissan Terra ที่มาทีหลัง นอกจากจะไม่มีฐานลูกค้าแล้ว โฉมแรกที่เปิดตัวมาอ็อพชั่นบางอย่างยังเป็นรองคู่แข่งที่ทำตลาดมาก่อน จึงทำให้กระแส PPV ของ Nissan ติดลบ

แต่ทว่าเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา Nissan ได้เปิดตัว Nissan Terra Minorchange ซึ่งบอกเลยว่าถ้าทำแบบนี้มาตั้งแต่แรก ป่านนี้ยอดขายคงติด Top 3 ไปตั้งนานแล้ว เพราะการปรับใหม่ครั้งนี้ Nissan ใส่มาเต็ม แถมประกาศราคาที่ทำเอาเจ้าตลาด และคู่แข่งมีเคือง

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าจะสามารถพิชิตใจ และทำให้ลูกค้าชาวไทยเปิดใจได้หรือไม่ เพราะอย่างที่บอก “แบรนด์อื่นเขามีฐานลูกค้าที่ดีกันไปหมดแล้ว”

ในเรื่องของดีไซน์ที่ปรับใหม่ และอ็อพชั่นที่เพิ่มขึ้น ในบทความนี้ขอไม่กล่าวถึงให้มากความ เพราะรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลเหล่านั้นหลายท่านคงทราบกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าใครยังไม่รู้ สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่บทความ Nissan Terra Minorchange 2021 สดใหม่ ดูทันสมัย อ็อพชั่นพอมี ขับดีใช้ได้ แต่ราคาคุ้มสุด

สำหรับบทความนี้จะพูดถึงไฮไลท์ที่ทำให้ Nissan Terra Minorchange มีความน่าสนใจ และสมรรถนะการขับขี่ที่สัมผัสได้เป็นหลัก

โดยการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ นอกเหนือไปจากดีไซน์ที่ดูหรูหรา และทันสมัยขึ้น จากไฟหน้า Quad LED 4 ดวง ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติมาให้ทุกรุ่นย่อย และมีไฟตัดหมอก LED ในรุ่นท็อป ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ไฟท้าย LED Light Guide เส้นคู่ และฝาประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์ด้านใต้กันชนหลัง (Auto Lift Gate)

แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือ การปรับระบบเบรกใหม่ จากเดิมที่ด้านหลังเป็นดรัมเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก และมีการขยายขนาดจานให้ใหญ่ขึ้นทั้งหน้า-หลัง ซึ่งหลายท่านคงไม่เคยรู้มาก่อน ว่าจานเบรกของ Nissan Terra ใหม่ มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม PPV และแน่นอนมันจะส่งผลถึงเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ และความปลอดภัยที่ไว้ใจได้มากที่สุด

นอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของระบบช่วงล่าง ยังได้มีการอัปเกรดใหม่ เสริมยางกันกระแทกที่ติดตั้งระหว่างตัวถัง และแชสซีส์มากถึง 10 จุด ทำให้ภายในห้องโดยสารเงียบและนุ่มนวลยิ่งขึ้นอีกด้วย

  

ภายในบอกเลยว่านี่คือสวรรค์ของนักเดินทาง เพราะ Nissan Terra Minorchange มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครันสุดๆ เริ่มจาก จออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9″ ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายได้ และ Android Auto แถมยังมีแท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger ให้พร้อม ชุดเครื่องเสียงลำโพงจาก BOSE 8 ตำแหน่ง และแอมพลิฟายเออร์

ห้องโดยสารยังคงความกว้างขวาง สะดวกสบาย และสามารถปรับพื้นที่ห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระได้ตามความต้องการ โดยเบาะที่นั่งแถว 2 มีฟังก์ชั่น Auto Tumble Seat ที่คอนโซลกลาง ที่สามารถพับอัตโนมัติเบาะแถวที่ 2 อัตโนมัติแค่กดปุ่มเพียงจากสวิตช์แบบ 1-Touch Remote Fold & Tumble เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงของผู้โดยสารแถวที่ 3

อีกทั้งการออกแบบเบาะนั่งทั้ง 3 แถวยังเป็นแบบ Theatre Style Seating ที่จะช่วยลดการบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นของผู้ที่นั่งแถว 2 และแถว 3 ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบาย

เท่านั้นยังไม่พอ ที่เพดานยังมีหน้าจอ Widescreen ขนาด 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถสตรีมมิ่งช่องโปรด เช่น NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI และออกแบบให้มีช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 โดยทั้งคันมี USB-A 3 จุด และ USB-C 2 จุด เยอะที่สุดในรถระดับเดียวกันอีกด้วย

เครื่องเดิมปรับจูนใหม่ แม้ว่าจะยังคงเป็นเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร Twin-turbo ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แต่ก็มีการปรับจูนในเรื่องของระบบส่งกำลังใหม่ ซึ่งให้อัตราเร่งในการออกตัว และเร่งแซงที่ดีขึ้น รวมไปถึงความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ก็ทำได้สมูท และราบลื่นมากยิ่งขึ้นด้วย แถมยังมีโหมด M Mode ให้ใช้งาน

รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ครับทั้ง B7, B10 และ B20 โดยทาง Nissan เคลมว่ามีอัตราประหยัดน้ำมันที่ทำได้ดีขึ้นกว่าโฉมก่อน แต่น่าเสียดายน่าจะมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift มาให้สักหน่อย

ระบบความปลอดภัยถือเป็นหัวใจสำคัญที่ Nissan Terra Minorchange มีมากกว่าใครเพื่อน ไม่ว่าจะเป็น

  • เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM)
  • เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (IFCW)
  • เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB)
  • เทคโนโลยีเตือนรถในมุมอับสายตา (BSW)
  • เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (RCTA)
  • เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (LDW)
  • เทคโนโลยีเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (IDA)

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่มั่นใจได้ในความปลอดภัยแบบ Passive Safety อาทิ

  • เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
  • เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัจฉริยะ (VDC)
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ B-LSD
  • ถุงลม SRS 6 ตำแหน่ง

สำหรับสมรรถนะการขับขี่ ด้านอัตราเร่ง Nissan Terra ใหม่ อาจจะไม่ใช่รถที่หวือหวา มีอัตราเร่งที่แรง หรือเหนือกว่าคู่แข่ง แต่เป็นรถที่ขับง่ายเนื่องจากอัตราเร่งไม่พุ่งกระชากมากนัก การขับในเมืองจึงมีความสมูทและนุ่มนวล แต่จังหวะเร่งแซงก็ต้องเผื่อระยะกันหน่อย ซึ่งทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อรถมีความเร็วแบบลอยตัว ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นค่ายไหนๆ ก็หนีกันไม่ออกอยู่ดี

ช่วงล่างเป็นอะไรที่ดีงาม Nissan ปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ให้ Terra ครั้งนี้คือลงตัว มีความนุ่มหนึบ นั่งสบาย ไม่กระด้าง อีกทั้งเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงอาการโยนก็น้อยกว่าหลายๆ แบรนด์ แต่ก็ยังมีย้วยๆ อยู่บ้างตามสไตล์รถยกสูงแบบ PPV

ระบบเบรก และระบบความปลอดภัย คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพราะจากสเปคก็เห็นอยู่แล้วว่า Best in Class ซึ่งจากการที่ได้ลองสัมผัสก็ต้องบอกว่าระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และช่วยเหลือการขับขี่ได้จริง

บทสรุป

ต้องยอมรับว่า Nissan Terra Minorchange คือหนึ่งใน PPV ที่น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ ด้วยอ็อพชั่นเกินคลาส และราคาที่เกินคุ้ม ซึ่งเหมาะกับกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ที่ชอบในเทคโนโลยี และเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก เรียกได้ว่าจะออกทริปเมื่อไหร่ หากคุณได้เดินทางไปกับ Terra แล้ว คุณจะได้รับความสุข และความสนุกระหว่างทางไปด้วย

ราคา Nissan Terra Minorchange 2021

  • 2.3 E 2WD 7AT ราคา 1,199,000 บาท
  • 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,449,000 บาท
  • 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท