ในปัจจุบันรถถครอบครัวนั้นเป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ของยานยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถใช้งานได้แบบอเนกประสงค์มาพร้อมตัวถังขนาดใหญ่ กว้างขวาง รองรับได้ทั้งครอบครัว อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างจุใจ
ซึ่งทำให้บรรดาค่ายรถต่างก็หันมาให้ความสนใจรถยนต์กลุ่มนี้ โดยจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งในรูปแบบ SUV, PPV, Mini MPV, MPV แต่ถ้าเป็นในรูปแบบรถเอ็มพีวี และหนึ่งชื่อที่จะถูกพูดถึงเป็นเบอร์ต้น ๆ คงหนีไม่รถครอบครัวขวัญใจมหาชนอย่าง Toyota Innova หลังจากที่ถูกเปิดวางจำหน่ายในตลาดเมืองไทยมาอย่างยาวนาน
โดยล่าสุดทางโตโยต้าประเทศไทยได้เปิดตัว Toyota Innova เจอเนเอเชั่นใหม่ที่เป็นเจนฯ ที่ 3 โดยถูกเปิดตัวต่อมาจาก อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยใช้ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการว่า Toyota Innova Zenix (โตโยต้าอินโนว่า ซีนิค) ซึ่งในเจนฯ ใหม่นี้ จะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวรถ รวมทั้งขนาดของตัวรถ, ระบบขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นไฮบริด อีกทั้งเปลี่ยนจากรถขับหลังมาเป็นขับหน้า ส่วนรายละเอียดโดยรวมของการปรับเปลี่ยนใหม้ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ขับแล้วจะเีงามมากขนาดไหน ทางทีมงาน Autostation.com ได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้วในบทความนี้ เราไปดูกัน
โดยก่อนจะไปทดลองขับ และรับรู้ถึงสมรรถนะความดีงาม เรามาทำความรู้จักกับ Innova ตัวใหม่คันนี้กันก่อน สำหรับ All New Toyota Innova ZENIX เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ MPV แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หน้าตาที่ผสานความทันสมัย แข็งแกร่ง ทรงพลัง ซึ่งดูจะมีความคล้ายกับ Veloz ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่ถูกผลิต และสร้างมาจากที่เดียวกันในอินโดนีเซีย
ดีไซน์ภายนอกดูสปอร์ต หล่อเข้มมากกว่าเดิม
ในด้านรูปลักษณ์มาในสไตล์ที่คมเข้มขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ทรงหกเหลี่ยม ด้านในแบบลวดลายแบบลายรังผึ้ง ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED แบบกว้างทรงเรียวยาวที่เชื่อมติดกับในส่วนกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้าดีไซน์ให้มีเส้นสายที่ดูเฉียบคม กันชนหน้ามาพร้อมช่องไอดีที่ทันสมัย เสริมด้วยชุดไฟ DRLs LED ที่เป็นเส้นเรียวยาว
ซุ้มล้อถูกตีโป่งทำให้ตัวรถดูมีมัดกล้ามเหมือนรถเอสยูวีสายลุยมาพร้อมขอบซุ้มล้อสีดำ สอดรับกับล้ออัลลอยที่มีขนาด 18 นิ้ว ส่วนด้านท้ายมากับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ทรงเรียวยาวที่ดูโฉบเฉี่ยว มาพร้อมประตูท้ายขนาดใหญ่ที่เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าโดยกดเพียงปุ่มเดียว
มิติตัวรถใหญ่ขึ้น
Toyota Innova Zenix มาพร้อมกับแฟลตฟอร์มใหม่ TNGA แบบยูนิบอดี้ ที่จากเดิมเป็นโครงสร้างแบบ Monocoque ที่เหมือนกับของ Hilux และ Fortuner ในด้านมิติขนาดตัวรถนั้นได้ปรับขยายขึ้นจากรุ่นที่ผ่านมา โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,755 มม. (+20 มม.) และความกว้าง 1,850 มม. (+20 มม.) ขณะที่ความสูงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1,795 มม. และระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร (+100 มม.) รวมถึงมีระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance อยู่ที่ 185 มม.
ภายในห้องโดยสารหรูนั่งสบายเกินคาด
สำหรับภายในห้องโดยสารของ Toyota Innova Zenix ด้วยมิติขนาดตัวถังที่ปรับให้ใหญ่ และกว้างขึ้น ทำให้ภายในของ Innova ใหม่ ดูใหญ่ และมีความกว้างเพิ่มขึ้น มาพร้อมกับงานดีไซน์ใหม่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบคัน ตัวเบาะที่นั่งจะเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (2+2+3) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ตัวเบาะมีพื้นที่นั่งขนาดใหญ่ โอบรัดกระชับนั่งสบาย โดยในรุ่นท๊อปจะเป็นสีทูโทน น้ำตาล- ดำ ส่วนรุ่น Smart จะเป็นแบบโมโนโทน และที่น่าเสียดายที่เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับด้วยมือ นอกจากนั้นงานตกแต่งยังติดตั้งพื้นผิวแบบบุนุ่มให้มาหลายจุดรวบห้องโดยสาร
ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 2 ตรงกลางจะเป็นเบาะนั่งแบบกัปตันซีท โดยในรุ่น รุ่น 2.0 HEV Premium จะปรับไฟฟ้า มาพร้อมเบาะรองน่องแบบ Ottoman ปรับด้วยไฟฟ้า ให้ความสะดวดสบายตลอดการเดินทาง อีกทั้งตรงกลางระหว่างเบาะทั้งยังมาพร้อมกับโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้มาให้ยิ่้งเพิ่มความอเนกประสงค์การใช้งานให้มากยิ่งขึ้น (ส่วนในรุ่น Smart จะปรับด้วยมือทั้งหมด และไม่มีเบาะรองน่องมาให้) ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 เบาะสามารถพับได้พับเรียบ (50:50)
แต่น่าเสียดายตรงที่ไม่มีจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งแตกต่างจากเวอร์ชั่นของประเทศอินโดนีเซีย แต่ในอนาคต คาดว่าอาจจะมีการนำเข้ามาติดตั้งให้เพิ่มเติม
สำหรับระบบปรับอากาศ มีความเย็ยทั่งทั้งห้องโดยสาร ด้วยการใช้คอยล์เย็น 2 ชุด ที่ด้านหน้าและที่มุมหลังฝั่งผู้ขับ มาพร้อมช่องแอร์บนเพดานของตำแหน่งเบาะแถว 2 และ 3 และสวิตช์ปรับอุณหภูมิและแรงลมแยกสำหรับ 2 แถวหลัง
ขณะที่ในส่วนแผงแดชบอร์ดนั้นก็ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด คอนโซลกลางจะเป็นแบบลอยตัวที่ถูกยกเข้าไปติดกับคอนโซลหน้ามาพร้อมคันเกียร์ และติดตั้งปุ่มปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่, ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Brake Hold
คอนโซลหน้าจะได้รับการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว (ขนาบข้างด้วยหน้าปัดอนาล็อก) มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์จะถูกตั้งวางแบบลอยตัวอยู่ตรงกลางมีขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto แบบมีสาย พร้อมระบบเชื่อมต่อ T-Connect น่าเสียดายที่ไม่มีแทานชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายมาให้
ด้านชุดอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆของ Inonva ใหม่จะได้รับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่ใีช่องแอรือยู่ทีบนเพดาน มาพร้อมหลังคากระจก Panoramic Retractable Roof ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางโปร่งมากขึ้น (จะมีเฉพาะในรุ่น Premium) นอกจากนั้นยังติดตั้งชุดไฟ Ambient light ที่ช่วยสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน รวมถึงในรุ่น Premium ยังจะได้รับ รับแป้น Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย
ขุมพลังใหม่ไฉไลขึ้น ทั้งแรง และประหยัดกว่าเดิม
สำหรับขุมพลังของ Toyota Innova Zenix ปรับเปลี่ยนใหม่จากเดิมที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 172 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 137 แรงม้า โดยทั้ง 2 ขุมพลังจะถูกส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะไปยัง 2 ล้อหลัง
โดยถูกปรับเปลี่ยนใหม่แบบยกยวง ให้กลายมาเป็นเครื่องยนต์ 2.0 ไฮบริด M20A-FXS Dual VVT-i ที่เป็ยบล็อกเดียวกันกับที่ใช่บนตัว Lexus UX250 ให้กำลัง 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 188 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร เมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกันจะให้พละกำลัง 186 แรงม้า 206 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT มาพร้อมแบตเตอรี่ Ni-MH 1.3 kWh
มาพร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์แบบ +/- ที่คันเกียร์ และสามารถเลือกโหมดการขับขี่ทั้ง Power และ Eco ได้ ในด้านอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ทางโตโยต้าเคลมไว้ว่าจะมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21.3 กิโลเมตร / ลิตร
เข้าโหมดทดลองขับ แบบใช้งานจริง บนถนนจริง
หลังจากรับรู้รายละเอียดบางส่วนของตัวรถทั้งภายนอก และภายในของ Toyota Innova Zenix กันไปแล้ว ถึงเวลาเข้าโหมดทดสอบสมรรถนะ โดยในการทดลองขับครั้งนี้เราใช้เส้นทาง กรุงเทพ – ระยอง ระยะทางไปกลับกว่า 400 กม. มีผู้โดยสารทั้งหมด 3 ท่าน (รวมทั้งตัวผู้เขียน) บวกกับสัมภาระกระเป่าเดินทางแบบเต็มพิกัด โดยเริ่มออกสตาร์ทจาก Toyota ALIVE บนถนนบางนา-ตราด ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่ทางด่วนชลบุรี โดยตัวผู้เขียนได้รับหน้าที่เป็นไม้แรกของทริปทดสอบในครั้งนี้
สำหรับสัมผัสแรกบน Innova Zenix ในเรื่องหน้าตาอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ต้องบอกว่าดูเท่ห์ในทุกมุมมอง และดูดีกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดดเจน มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวตั้งแต่หน้าจรดท้าย
ในด้านการขับขี่เมื่อเข้าไปประจำการบนที่นั่ง อย่างแรกที่รับรู้คือตัวเบาะที่นั่งที่ออกแบบให้มีความใหญ่ ตัวเบาะโอบกระชับ มีพื้นที่รองรับส่วนต้นขาที่ยาวพอดี งานการออกแบบชุดอุปกรณ์ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก
พอเริ่มออกเดินทางตัวรถจะเคลื่อนตัวเรียบง่าย เพราะช่วงแรกระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงาน แต่พอกดคันเร่ง แรงขึ้น หรือหนักขึ้นเครื่องยนต์ก็ติดขึ้น และทำงานผสานกัน ขณะที่บนท้องถนนในช่วงแรกนี้ จะคราคร่ำ ไปด้วยรถน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก แต่ถึงตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่ แต่การควบคุมเป็นไปได้อย่างง่ายดาย จึงสามารถเบียนแซง รถทั่วไปที่อยู่บนถนนยามเช้าได้อย่างง่ายดาย ตัวรถมีความคล่องตัวสูง ซึ่งดุจะขัดกับบุคลิคที่ใหญ่โต
พอหลุดออกมานอกเมืองได้ลองกดคันเร่งขึ้นตัวรถพุ่งทยานได้ดั่งใจ การเร่งความเร็วทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ เร่งทันใจ แต่ก็ไม่ถึงกับกระโชกโฮกฮาก ความเร็วเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่อง และไหลลื่น ยิ่งผสานกับชุดเกียร์ e-CVT ส่งผลทำให้มีวคามสมูท เผลอแว๊บเดียวตัวเลขพุ่งไปแตะระดีับ 160 กม./ชม. แบบยังสามารถกดเพิ่มได้อีก แต่ผู้เขียนขอลองเท่านี้ก็แล้วกัน
โดยในช่วงแรกนั้นใช้โหมดการขับขี่ในแบบ Sport อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในชุดมาตรวัดโชว์ตัวเลข 13. 4 กิโลเมตร / ลิตร ซึ่งก็ถือว่าประหยัดในระดับที่น่าพอใจ
พอปรับเปลี่ยนมาลองในโหมด ECO ขับความเร็วเฉลี่ยอยู่ในระดับ 100 – 120 กม / ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในชุดมาตรวัดโชว์ตัวเลขป้วนเปี้ยนที่ 17 -18 กิโลเมตร / ลิตร ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเอามามาก ๆ สำหรับรถที่มีขนาดใหญ่ และน้ำหนักตัวมากขนาดนี้
ภายในเงียบ เก็บเสียงดี
ด้านการเก็บเสียงของตัวรถต้องบอกว่าเป้นอีกจุดที่ดีงาม ห้องโดยสารค่อนข้างเงียบ เสียงรบกวนจากภายนอกแทบจะไม่มีหลุดเข้ามาได้เลย จะมีเพียงเสียงลมเข้ามาในช่วงระยะความเร็วสูงเท่านั้น โดยจะเข้ามาในช่วงเสา A ด้านบน รวมถึงเสียงของยางที่จะเข้ามาในช่วงความเร็วสูงเช่นกัน ขณะที่เสียงของเครื่องยนต์จะมีคำรามให้ได้ยินในตอนที่คลิ้กดาวน์ เพื่อเพิ่มอรรถรสของรถที่มีเครื่องยนต์
ช่วงล่างบอกได้เลยว่าเนียน นิ่ม ดั่งรถหรู
สำหรับฟิลลิ่งในการขับขี่เนื่องจากตัวรถปรับเปลี่ยนจากขับหลังมาเป็นขับหน้า จึงทำให้ตัวรถมีแรงยึดเกาะเพิ่มขึ้น ด้วยน้ำหนักส่วนใหญ่จะตกลงบนเพลาของล้อคู่หน้า ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนทำให้ล้อหน้าสามารถสร้างแรงยึดเกาะหรือที่เรียกว่า “แทร็คชั่น” ได้อย่างเต็มที่
รวมทั้งยังผสานกับระบบช่วงล่างที่เปลี่ยนมาใช้ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ผสานกับแพลตฟอร์มใหม่ที่เป็นตัวถังแบบโมโนค๊อกที่ยืดหยุ่น และแข็งแรง จึงทำให้ Innova Zenix มีแฮนด์ลิ่งที่ดี ขับง่าย เกาะถนน ช่วงล่างเซตมาค่อนข้างลงตัวดูดซับแรงกระแทกได้ดี ความยืดหยุ่น และการยึดเกาะถนน
ตัวรถไม่มีค่อยมีอาการโยนให้เห็น ถึงแม้ว่าจะใช้ความเร็วสูงในการเข้าโค้ง ช่วงล่างในความนุ่มนวล และนุ่มหนึบ ในช่วงกระแทกคอสะพาน หรือลงหลุมเล็ก ๆ อันนี้ต้องบอกได้เลยว่าดีงามมาก
อีกทั้งในส่วนของพวงมาลัยที่เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าปรับความหนืดมาพอเหมาะ ไม่หนัก และเบาเกินไป ใช้ความเร็วในโค้งได้อย่างมั่นคง ไม่มีอาการวูบวาบทั้งจากพวงมาลัย และช่วงล่าง
ส่วนเรื่องของระบบเบรกจะมีความแข็งไปนิด แต่มีความปลอดภัยสูง เบรกหนึบ ไม่มีอาการเบรกไหลให้เสียว โดยตัวเบรกนั้นจะเป็นเบรกดิสก 4 ล้อ ที่ผสานกาารทำงานกับระบบ ABS, EBD และ BA อีกทั้งทางโตโยต้ายังเคลมไว้อีกว่าจะมีระยะเบรกอยู่ที่ 48.97 เมตร ในระยะความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะที่สั้นกว่าเดิมถึง 1.5 เมตร
ทดลองนั่งเบาะแถวหลัง หรูหราดั่งรถผู้บรหาร
ซึ่งหลังจากได้ทดลองขับ ก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารด้านหลังกันบ้าง โดยข่วงแรกนั่งฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า ก็ต้องบอกว่าอารมณ์ และฟิลลิ่งก็เหมือนกับผู้ขับขี่ นั่งสบาย แต่น่าเสียดายที่ปรับด้วยมือ
ต่อมาก็ปรับเปลี่ยนมานั่งที่เบาะด้านหลังเริ่มจากเบาะแถวที่ 2 กันก่อน โดยความดีงามจะอยู่ที่ตัวเบาะเป็นแบบกัปตันซีท มาพร้อมที่วางเท้าแขน ตัวเบาะปรับเอนด้วยไฟฟ้า มาพร้อมที่รองน่องปรับด้วยไฟฟ้าเช่นกัน ตัวเบาะรองนั่งจะมีขนาดที่เล็กไปนิด แต่ด้วยการที่ได้ในส่วนของที่รองน่องเข้ามาช่วยจึงลดอาการเมื่อยล้าลงไปได้เป้นอย่างมาก ตัวเบาะสามารถปรับเอนนอนได้ อีกทั้งยังมีโต๊ะที่กางพับเก็บได้อยู่ระหว่างตัวเบาะข่าวยเพื่มอรรถประโยชน์การใช้งานได้มากขึ้น
หลังจากนั้นก็ลองไปยั่งเบาะแถวที่ 3 พื้นที่อาจจะไม่สบายเท่ากับเบาะแถวที่ 2 ที่มีพื้นที่กว้าง อีกทั้งยังสามารถปรับเลื่อนได้ โดยคนที่จะนั่งเบาะแถวที่ 3 แบบสบาย ๆ น่าจะเป็นหนู ๆ หรือลูก ๆ ตัวเล็ก ๆ
ขณะที่ด้านท้ายนั้นเมื่อพับเบาะหลังสามารถพับได้อย่างราบเรียบโดยสามารถเอาผู้ใหญ่เข้าไปนั่งพร้อม ๆ กัน 2 ท่าสยได้อย่างสบาย ๆ
บทสรุป
หลังจากที่ได้ทดลองขับ รวมถึงทดลองนั่งในทุกตำแหน่งของ Toyota Innova Zenix รูปลักษณ์หน้าตาก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลว่าจะชอบแนวไหน แต่สำหรับผู้เขียนถือว่าปรับใหม่หล่อการเดิมเยอะ วัสดุงานประกอบทั้งภานนอก และภายในถือว่าผ่านเกณฑ์
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวาง อันนี้ดีงาม โดยเฉพาะเบาะนั่งแถวที่ 2 สำหรับชุดอุปกรณ์จัดมาให้ตามความต้องการ และการใช้งาน แต่หากว่ามองภาพรวมของรถยนต์นั่งสำหรับครอบครัวแล้ว ยังต้องเพื่มในหลาย ส่วนทั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย จอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมั้งทั้งจุดชาร์จในแถวที่ 3
สำหรับในด้านพละกำลังเป็นอีกจุดที่มีความโดดเด่นด้วยเคริ่องยนต์ไฮบริด ที่ทั้งแรง และประหยัด อัตราสิ้นน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในเก๊ณฑ์ที่งดงาม และสิ่งที่ถือว่าดีงามอีกอย่างของ Toyota Innova Zenix ก็คือระบบช่วงล่างที่ปรับเซทมาได้อย่างถูกใจ ที่มีทั้งความนุ่มเงียบ นวลเนียน เหมาะสำหรับรถครอบครัวยุคใหม่ ที่มีทั้งลูกเล็ก และผู้สงูอายุ
ขณะที่ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่นั้น ก็ถือว่ามีมาให้พอสมควร อาจจะไม่เท่ากับรถครอบครัวบางแบรนด์โดยเฉฑาะรถที่มาจากเมืองจีน ที่จัดมาแบบเต็มสูบ
โดยภาพรวมทั้งหมดของ Toyota Innova Zenix ก็จัดอยู่ในระดับที่ดีงาม และเป็นรถครอบครัวที่น่าใช้อีกคันหนึ่ง ที่มาทั้งความใหญ่โต ดูสปอร์ต ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับความแรง และความประหยัด แต่ต้องแลกกับค่าตัว 1.379 –1.479 ล้านบาท งานนี้คุณต้องตัดสินใจเอง แต่สำหรับตัวผู้เขียนถือว่า Innova Zenix คันนี้เป็นรถครอบครัวยุคใหม่ที่น่าสนใจอีกคันทีเดียว
ราคาจำหน่ายของ All New Toyota Innova ZENIX
- รุ่น 2.0 HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
- รุ่น 2.0 HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท