in , , ,

รีวิว Honda CBR650R 2024 สัมผัสแรกในสนามแข่ง ขี่ง่าย สมูท นุ่มนวล 4 สูบเสียงหวาน แรงกว่าเดิม!!

สัมผัสแรก Honda CBR650R 2024 และ Honda CBR500R 2024 ในสนามแข่ง วัดกันให้รู้ไปเลยว่าดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือเปล่า?

Review Honda CBR650R 2024

หลังจากที่ ไทยฮอนด้า สร้างเซอร์ไพรส์ เปิดตัวโมเดลใหม่คลาส Big Bike ถึง 5 รุ่น ทั้งตระกูล 650 Series และ 500 Series ที่งาน Motor Expo 2023

ล่าสุดทีมงาน Autostation.com มีโอกาสได้ไปทดสอบขับขี่ครบทุกรุ่น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงตระกูล CBR กันก่อน ซึ่งได้ลองครบทั้ง Honda CBR500R 2024 และ Honda CBR650R 2024 ณ สนามแข่งแก่งกระจานเซอร์กิต ส่วนจะมีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปบ้าง และสมรรถนะจะดีขึ้นขนาดไหน เชิญเสพได้เลย

Honda E-Clutch

Honda E-Clutch

สำหรับ Honda CBR650R 2024 นั้น ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของโมเดลใหม่ที่ ไทยฮอนด้า ได้ทำการเปิดตัว เพราะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และติดตั้งเทคโนโลยี Honda E-Clutch เข้ามาเป็นครั้งแรก แต่น่าเสียดายทีการทดสอบในครั้งนี้ ยังไม่มีรุ่น E-Clutch มาให้ทำการทดสอบขับขี่ ซึ่งทาง Honda แอบกระซิบว่าหลังปีใหม่เจอกันแน่นอน!!

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าเทคโนโลยีคลัทช์ไฟฟ้าของฮอนด้าดียังไง? สามารถเข้าไปอ่านได้ที่

เจาะลึกระบบ Honda E-Clutch คลัทช์ไฟฟ้าสำหรับมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในโลก

Honda Motor Expo

ปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ เพิ่มระบบ HSTC & Roadsync

สำหรับ Honda CBR650R 2024 นั้น ได้รับการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ นอกเหนือไปจากการเพิ่มรุ่นใหม่ E-Clutch ที่จะเปิดตัวตามออกมาแล้วนั้น ยังมีการพัฒนาในเรื่องของชุดแฟริ่งใหม่รอบคัน ที่ครั้งนี้ทาง Honda แอบใส่ Winglet ไว้ในชุดแฟริ่ง เสริมแรงกดให้รถนิ่งขึ้นในความเร็วสูง และแหวกอากาศได้ดีขึ้นทั้งทางตรง และในโค้ง

Review Honda CBR650R 2024

อีกทั้งยังมีการอัปเกรดชุดไฟหน้า – ไฟท้าย แบบ Full LED ที่มาในทรงสปอร์ตเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น และยกระดับความพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้นด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 5″ แสดงผลแบบ Full Digital จอสี ที่มาพร้อมกับระบบ Honda Raodsync เป็นครั้งแรก โดยมีปุ่มสวิตช์ควบคุมหน้าจอเพิ่มขึ้นมาที่ประกับแฮนด์ข้างซ้าย อีกทั้งยังรองรับกับการสั่งงานด้วยเสียง HSVCs (Honda Smartphone Voice Control system) ซึ่งสามารถอ่าน – ตอบข้อความ ฟังเพลง ระบบนำทาง Turn by Turn ที่หน้าจอ และคุยโทรศัพท์ได้ขณะขับขี่ผ่านระบบ Bluetooth ที่เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับตัวรถ

Review Honda CBR650R 2024

ส่วนในรุ่นน้องอย่าง Honda CBR500R 2024 ก็ได้รับการอัปเกรดมาในรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ชุดแฟริ่งใหม่ เสริม Winglet ที่ด้านหน้า พร้อมด้วยไฟหน้า – ไฟท้าย รูปแบบใหม่ Full LED และหน้าจอ TFT ขนาด 5″ พร้อมระบบ Honda Raodsync ที่ทำได้ทุกอย่างเหมือนรุ่นพี่ CBR650R

Review Honda CBR650R 2024

Review Honda CBR650R 2024

และที่สำคัญ ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการติดตั้งระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ที่มีการติดตั้งชุดเซ็นเซอร์ที่ล้อหน้า – ล้อหลัง เผื่อตรวจจับว่าการหมุนของล้อทั้ง 2 สัมพันธ์กันไหม ถ้ามีล้อใดล้อหนึ่งหมุนเร็วกว่า หรือเกิดการสไลด์ กล่อง ECU จะสั่งการตัดกำลังเครื่องยนต์ทันที เพื่อป้องกันการลื่นไถล ซึ่งสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดระบบนี้ก็ได้ในการใช้งาน

Review Honda CBR650R 2024

สัมผัสแรกในสนามแข่ง ขี่ง่ายขึ้น ช่วงล่างนุ่ม คันเร่งสมูทขึ้นเยอะ

สัมผัสรถครั้งแรก ก็ได้มาลองในสนามแข่งเลย ต้องบอกก่อนว่า ในเรื่องของขุมพลังเครื่องยนต์นั้น ทั้ง 2 รุ่นยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อคเดิม แต่มีการปรับจูนใหม่ โดยรุ่น CBR650R 2024 มีการปรับองศาแคมชาร์ฟฝั่งไอดีใหม่ และปรับจูนกล่อง ECU คล้ายกับเอาไป Remap มาใหม่

ส่วนในรุ่น CBR500R นั้น จะถูกปรับจูนเฉพาะในส่วนของกล่อง ECU อย่างเดียว โดยทั้ง 2 รุ่น นั้น สามารถเรียกกำลังได้เร็วกว่าโฉมก่อน โดยทาง Honda ได้โชว์กราฟแรงม้า และแรงบิด จากการทดสอบบน Dyno ให้เป็นที่ประจักษ์

Review Honda CBR650R 2024

รันแรก เราได้ลองขี่ในรุ่น Honda CBR650R 2024 ก่อน โดยภาพรวมหลังจากที่ได้ลองไปสัมผัสมาแล้วต้องบอกว่า เป็น 4 สูบ ที่ขี่ง่าย คันเร่งมีความสมูท ก่อนเดินคันเร่งออกจากโค้ง ไม่กระโฉกโฮกฮากจนเกินไป ทำให้ขี่แล้วไม่เหนื่อย แต่ทางตรงก็มีกำลังที่ดึงจนบางทีผู้เขียนยังเสียวๆ จะเอารถไม่อยู่เหมือนกัน เพราะมันพุ่งไปเป็นจรวดเลยทีเดียว

Review Honda CBR650R 2024

Review Honda CBR650R 2024

ช่วงล่างอาจจะติดนุ่มไปหน่อย แต่สามารถเปรับตั้งค่าสปริงได้ 10 ระดับตามต้องการ (แต่เราไม่ได้ปรับเพราะอยากรู้ว่าเดิมๆ โรงงานมันเซ็ตไว้ยังไง?) ซึ่งการแบนโค้งลึกๆ อาจรู้สึกถึงอาการดิ้นอยู่บ้าง ถ้าเข้าไปปรับสปริงหลังให้แข็งกว่านี้ น่าจะขี่สนุกกว่าเดิม แต่ดูแล้วค่ามาตรฐานที่ตั้งมาให้ ขี่บนถนนน่าจะลงตัวที่สุด แต่ถ้าใครสายซิ่งจะไปปรับให้แข็งหน่อย ก็จะดีขึ้นเยอะ

Review Honda CBR650R 2024

องศาการเอียงของรถ ในรุ่น CBR650R 2024 สามารถที่จะแบนโค้งได้มากกว่า CBR500R 2024 อาจจะเป็นที่ขนาดของไซส์ยาง และน้ำหนักตัวรถ ที่สามารถเทรถลงไปได้เยอะกว่า แถมยังเป็น Big Bike ที่พลิกง่าย คุมง่าย ขี่ครบ Section ยังสนุกอยู่เลย ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย โดย Section ท้ายๆ แอบสนุก กดเวลากันเพลิน จนทำให้รู้ว่า Honda CBR650R 2024 นั้น เป็นรถที่ขี่ง่าย ไม่ใช่นักแข่ง ไม่เคยขี่รถใหญ่มาก่อนก็ขี่ได้ ใช้เวลาปรับตัวแค่แปปเดียว ก็สนุกไปกันมันได้เลย

Review Honda CBR650R 2024

ส่วนในรุ่น Honda CBR500R 2024 นั้น จะมีความคล่องตัวกว่า น้ำหนักเบา พลิกรถซ้าย-ขวา ถนัดกว่า แต่เทรถไม่ได้เยอะ เพราะติดพักเท้า (ชอบขูดพื้นประจำ) และอัตราเร่งช่วงต้นจะจี๊ดจ๊าดกว่า เพราะเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง กดเป็นมาๆ รอบมาไว ติดมือ ออกโค้งต้องค่อยๆ เดินคันเร่ง เปิดแรงไปนิดเดียว ระบบ HSTC เข้ามาจัดการทันที

Review Honda CBR650R 2024

ซึ่งการทำงานของระบบ HSTC หลังจากที่ได้ลองสัมผัส ต้องบอกว่าทำงานได้รวดเร็ว และอัจฉริยะมาก ตัดกำลังเครื่องยนต์ทันทีที่รถเสียอาการ แต่ก็ปิดระบบทันทีเหมือนกันเมื่อรถคืนทรง ทำให้การขับขี่ไม่สะดุด และปลอดภัย แต่ถ้ามือเก๋า อยากสุด จะปิดระบบขี่ในสนามดูก็ได้ แล้วจะรู้ว่า CBR500R ไม่ธรรมดา!!

Review Honda CBR650R 2024

โดยภาพรวมต้องบอกว่า Honda CBR500R 2024 นั้น ขี่สนุกกว่า คันเร่งติดมือกว่า การพับโค้ง การออกตัวคล่องกว่ารุ่นพี่ แต่ขี่แล้วเหนื่อยกว่า เพราะต้องคอยคุมคันเร่งตลอดเวลา (ตอนขี่แบบปิดระบบ HSTC) ซึ่งมันได้ฟิลลิ่งคล้ายรถแข่งมากยิ่งขึ้น ใช้เป็นรถซ้อมมือในสนามแข่งได้เลยคอนเฟิร์ม

Review Honda CBR650R 2024

บทสรุป

โดยภาพรวม ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของดีไซน์ อ็อพชั่น เทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสายซิ่ง สายสปอร์ต เพราะทั้ง 2 รุ่น ต่างก็เป็นโมเดลที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ณ เวลานี้ แถมราคาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากเท่าไหร่ เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่จะกระโดดเข้ามาสัมผัสตระกูล CBR ทั้ง 650 Series และ 500 Series

  • All New Honda CBR650R มีให้เลือก 2 สีใหม่ ได้แก่ ‘สีแดง GRAND PRIX RED’ และ ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC’ ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 327,300 บาท (รุ่นสแตนดาร์ด ไม่มี E-Clutch)
  • All New Honda CBR500R มีวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีใหม่ ‘สีแดง GRAND PRIX RED’ และ ‘สีดำ MAT GUNPOWDER BLACK METALLIC’ ราคาแนะนำที่ 222,800 บาท