หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ว่าสกู๊ตเตอร์ที่มีตำนานมาอย่างยาวนานอย่าง Vespa นั้น มีโรงงานผลิตใหญ่อยู่ที่ประเทศเวียดนามด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทุกคันที่มีจำหน่ายในไทย ล้วนแต่ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งนี้ และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวไทย เราจึงต้องบินไปชมไลน์ประกอบให้เห็นกับตา ในกิจกรรม Vespa’s factory visit in Vietnam
สำหรับโรงงานผลิตนั้นตั้งอยู่ที่เมือง Vĩnh Phúc (หวิญฟุก) ประเทศเวียดนาม ซึ่งใช้เป็นฐานการผลิตของสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาเลียน 3 แบรนด์ดัง ในเครือ Piaggio Group ซึ่งประกอบไปด้วย Vespa, Piaggio และ Aprillia
โดยโรงงานแห่งนี้จัดเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ส่งออกไปจัดจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลก
สำหรับ Piaggio Group นั้น มีฐานการผลิตทั้งหมด 12 แห่ง โดยตั้งอยู่ที่ อิตาลี 5 แห่ง, อินเดีย 3 แห่ง, เวียดนาม 2 แห่ง, จีน 1 แห่ง และ อินโดนีเซีย 1 แห่ง ซึ่งรถในเครือทั้งหมดถูกจำหน่ายไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 4,000 แห่ง และ 800 โชว์รูม
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีศูนย์วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีก 7 แห่ง แบ่งเป็น อิตาลี 2 แห่ง, สหรัฐอเมริกา 2 แห่ง, อินเดีย 1 แห่ง, จีน 1 แห่ง และ เวียดนาม 1 แห่ง (ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งแรกในเอเชีย)
แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปชมไลน์ผลิตทั้งหมดกัน เรามาฟังทิศทาง และนโยบายจาก มร. จิอานลูกา ฟิอูเม ผู้บริหารแห่ง Piaggio Group กันก่อนดีกว่า
โดยทาง มร. จิอานลูกา ฟิอูเม กล่าวว่า สิ่งที่เป็นหัวใจหลักในการออกและพัฒนาสกู๊ตเตอร์แบรนด์หลักในเครืออย่าง Vespa คือ จะเน้นแนวทางแบบดั้งเดิมในการออกแบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความเป็น Vespa ให้ได้มากที่สุด ตามแบบฉบับความเป็น Scooter of Emotional เพราะฉะนั้นโรงงานแห่งนี้จึงเป็น Factory of Emotional ที่ผลิตอารมณ์ ความรู้สึก ผสานกับสไตล์ ที่อัดแน่นไปด้วย Passion ภายใต้มาตรฐานระดับสากล ให้ออกมาเป็นสกู๊ตเตอร์ที่โดดเด่นเหนือใคร มีเอกลักษณ์ในตัวเอง จนคนอื่นต้องทำตาม!!
เมื่อรู้ถึงนโยบาย และ Passion ที่เต็มเปี่ยมของผู้บริหารระดับสูงแล้ว ก็ถึงคิวทัวร์โรงงานประกอบของ Piaggio Group โดยโรงงานแห่งนี้จะแบ่งเป็น 12 ส่วนไลน์ประกอบ ได้แก่
⦁ สายงานประกอบเครื่องยนต์ (Engine Lines) จำนวน 3 สาย
⦁ สายงานการเชื่อมประกอบโครงสร้างตัวถัง (Welding Line) จำนวน 3 สาย
⦁ สายงานการพ่นสี (Painting Lines) จำนวน 3 สาย
⦁ สายงานการประกอบ (Assembly Line) จำนวน 3 สาย
และจะมีห้องตรวจเช็คคุณภาพ (Quality Lab) จำนวน 2 ห้อง
โดยกระบวนการผลิตทั้งหมดจะเริ่มต้นขึ้นจาก งานเชื่อมตัวถังด้วยแรงงานคน!! โดยเป็นการเชื่อมจุดต่างๆ รอบตัวถังที่สร้างจากเหล็กขึ้นรูปในสไตล์แบบ Monocoque หรือ Unibody ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ Vespa ที่ได้ชื่อว่ามีความแข็งแกร่ง ทนทาน ซึ่งใครที่คลั่งไคล้ Vespa จะรู้ดีว่าสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนแบรนด์นี้เขาไม่มีเฟรมเหมือนแบรนด์อื่นๆ แต่ทุกอย่างเริ่มที่ตัวถังจากเหล็ก
หลักจากเชื่อมตัวถังเสร็จเรียบร้อย จะถูกส่งมายังขั้นตอนการชุบกันสนิมด้วยปฏิกิริยาทางไฟฟ้า ซึ่งตัวถังแต่ละคันจะต้องผ่านขั้นตอนการชุบกันสนิมเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้ตัวน้ำยาเข้าไปเคลือบผิวตัวถังได้ทุกซอกทุกมุม
เมื่อชุบกันสนิมเรียบร้อย บรรดาเฟรม Vespa ทั้งหมด ก็จะเข้าสู่กระบวนการพ่นสี ซึ่งโรงงานแห่งนี้ยังเลือกใช้วิธีการพ่นสีด้วยมืออยู่ (ใช้คนพ่น) บอกแล้ว Hand Made แต่ทุกขั้นตอนการพ่น จะมีการควบคุมคุณภาพให้ได้เฉดสีตามกำหนด ซึ่งหากไม่เป็นตามค่ามาตรฐานจะถูกแยกออกไป เพื่อนำกลับมาล้างสีและพ่นใหม่อีกครั้ง (ทำไมเขาไม่ใช่ Robot เพราะผู้บริหารบอกว่า Machine is Stupid) โดยขบวนการพ่นสีนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 550 คัน/วัน
เมื่อโครงสร้างตัวถังที่ลงสีเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคืองานประกอบ เริ่มจาก การประกอบเครื่องยนต์ใส่เข้าไปก่อน โดยโรงงานแห่งนี้รับหน้าที่ประกอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 125cc. / 150cc. และ 175cc. ส่วนเครื่องยนต์ของ Vespa GTS 300cc. จะถูกนำเข้าจากอิตาลี (นำมาประกอบกับตัวถังที่โรงงานแห่งนี้)
หลังจากนั้นก็เริ่มงานประกอบในส่วนต่างๆ ของตัวรถ ติดตั้งระบบไฟ ใส่เบาะ ใส่เรือนไมล์ ก่อนจะเข้าสู้กระบวนการตรวจสอบคุณภาพอีกครั้ง และเมื่อทุกอย่างถูกต้องผ่านมาตรฐาน ก็จะถูกจัดเก็บในโกดังเพื่อเตรียมจัดส่งไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
เสร็จสิ้นการทัวร์โรงงาน แต่ภารกิจยังไม่จบ!! บินมาขนาดนี้แล้วมันต้องได้ทดลองขี่กันสักหน่อย ซึ่งทาง Piaggio Group เตรียมรถทดสอบให้ได้ลองสัมผัสทั้ง Vespa GTS 300 ใหม่ (ยังไม่ขายไทย) Vespa GTS 150, Aprilia SR GT 200 และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Piaggio One แต่น่าเสียดายที่เป็นการได้ลองขี่แค่ช่วงสั้นๆ (รอบสนาม 2 รอบ) คงไม่สามารถถ่ายทอดฟีลลิ่งทั้งหมดออกมาได้ ไว้มีโอกาสนำมาทดสอบแบบจริงจังจะทำคอนเทนท์ให้ได้ชมกันอีกที
บทสรุป
การที่เราได้ไปเห็นทุกขั้นตอนการผลิตของ Vespa หรือรถในเครือ Piaggio Group ครั้งนี้ บอกเลยว่า ทุกคันคือ Scooter of Emotional ภายใต้โรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีอารมณ์ร่วมในทุกขั้นตอน เพราะทุกกระบวนการล้วนใช้คนเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น จึงไม่แปลกถ้าผู้บริหารระดับสูงจะบอกว่านี่คือ “Factory of Emotional ที่ผลิตอารมณ์ ความรู้สึก ผสานกับสไตล์ ที่อัดแน่นไปด้วย Passion ภายใต้มาตรฐานระดับสากล ให้ออกมาเป็นสกู๊ตเตอร์ที่โดดเด่นเหนือใคร มีเอกลักษณ์ในตัวเอง”